| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | ก ถึง ฮ

     ชมพูทวีปหมายถึงโลกมนุษย์ทั้งหมดไม่ใช่อินเดียเนปาลอย่างที่หลายๆคนเข้าใจดังมีหลักฐานในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ดังนี้ที่อยู่ของมนุษย์หรือมนุสสภูมินั้นอยู่บนพื้นดินหรือเรียกว่าดาวเคราะห์ลอยอยู่กลางอากาศในระดับเดียวกับไหล่เขาพระสุเมรุตั้งอยู่ในทิศทั้ง๔ของเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาลหรือทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเรียกกาแล็กซี่ผืนแผ่นดินใหญ่หรือดาวเคราะห์ทั้ง๔ที่ลอยอยู่ในทิศทั้ง๔เรียกว่าทวีปมีชื่อและที่ตั้งดังนี้๑ปุพพวิเทหทวีปตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาพระสุเมรุ๒อมรโคยานทวึปหรืออปรโคยานทวีปตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาพระสุเมรุ๓ชมพูทวีปก็โลกมนุษย์ที่เราอยู่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุ๔อุตตรกุรุทวีปตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุชมพูทวีปตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุหรือก็เขาพระสุเมรุนั่นแหละค่ะมีธาตุมรกตอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุแสงสะท้อนของธาตุมรกตทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของชมพูทวีปมีสีน้ำเงินแกมเขียวมนุษย์ที่ชมพูทวีปมีความสูง๔ศอกอายุยิ่งหย่อนขึ้นอยู่กับคุณธรรมไม่แน่นอนสมัยหนึ่งมนุษย์ในชมพูทวีปเคยมีอายุถึง๘๐,๐๐๐ปีแต่เมื่อคุณธรรมเสื่อมลงอาหารเลวลงอายุก็ลดลงและอย่างในสมัยพระพุทธเจ้าของเรามาตรัสรู้มนุษย์ในชมพูทวีปมีอายุเฉลี่ย๑๐๐ปีต่อไปภายภาคหน้ามนุษย์ในชมพูทวีปจะมีอายุเพียง๑๐ปีเท่านั้นและตัวจะเตี้ยถึงขนาดต้องสอยมะเขือกินดอกไม้ประจำชมพูทวีปคือชมพูหรือไม้หว้าเพราะเหตุนี้ถึงเรียกว่าชมพูทวีปเพราะดอกไม้ประจำทวีปนี้คือดอกชมพูเรื่องของชมพูทวีปเหตุที่เรียกชื่อดังนี้เพราะทวีปนี้มีไม้หว้าเป็นพญาไม้ประจำทวีปต้นชมพูแปลว่าต้นหว้าไม้หว้าต้นนี้อยู่ในป่าหิมพานต์ลำต้นวัดโดยรอบ๑๕โยชน์จากโคนถึงยอดสูงสุด๑๐๐โยชน์จากโคนถึงค่าคบสูง๕๐โยชน์ที่ค่าคบมีกิ่งทอดออกไปในทิศทั้ง๔แต่ละกิ่งยาว๕๐โยชน์วัดจากโคนต้นไปทางทิศไหนก็จะสูงเท่ากับความยาวในแต่ละทิศคือ๑๐๐โยชน์ใต้กิ่งหว้าทั้ง๔นั้นเป็นแม่น้ำใหญ่ไหลผ่านไปในทิศทั้งหลายผลหว้ามีกลิ่นหอมรสหวานปานน้ำผึ้งหมู่นกทั้งหลายชวนกันมากินผลหว้าสุกนั้นบางทีผลสุกก็หล่นลงตามฝั่งแม่น้ำแล้วงอกออกเป็นเนื้อทองและถูกน้ำพัดออกไปจมลงในมหาสมุทรเรียกทองนั้นว่าทองชมพูนุทเพราะอาศัยเกิดมาจากชมพูนทีความเป็นอยู่ของมนุษย์ในทวีปทั้ง๓ยกเว้นชมพูทวีปมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายมีสิ่งแวดล้อมที่สะอาดบริสุทธิ์ไม่มีมลภาวะทำให้อาหารการกินและน้ำท่าอุดมสมบูรณ์โรคภัยไข้เจ็บไม่เบียดเบียนเหมือนอย่างในชมพูทวีปที่เป็นเช่นนี้เพราะมนุษย์ใน๓ทวีปมีศีลธรรมที่เป็นปกติสม่ำเสมอส่วนมนุษย์ในชมพูทวีปมีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันมากบางคนสุขสบายบางคนลำบากบางคนปานกลางทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละคนชมพูทวีป

     ชาดกคือเรื่องราวหรือชีวประวัติในชาติก่อนของพระพุทธเจ้าคือสมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้อยู่พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่างๆเรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่าชาดกชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทานบางครั้งจึงเรียกว่านิทานชาดกแต่มีความหมายแตกต่างจากนิทานที่เล่ากันทั่วไปคือชาดกเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแต่นิทานเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นชาดกที่ทรงเล่านั้นมีนับพันเรื่องหมายถึงพระองค์ได้เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์นับพันชาติโดยทรงเกิดเป็นมนุษย์บ้างเป็นสัตว์บ้างแต่ที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ๑๐ชาติสุดท้ายที่เรียกว่าทศชาติชาดกและชาติสุดท้ายที่สุดที่ทรงเกิดเป็นพระเวสสันดรจึงเรียกเรื่องพระเวสสันดรนี้ว่าเวสสันดรชาดกชาดกชาดกชาดกชาดกชาติก่อนพระพุทธเจ้า

     ชิวหาวิญญาณความรู้อารมณ์ทางลิ้นคือรู้รสด้วยลิ้นหรือการรู้รสชิวหาวิญญาณชิวหาวิญญาณชิวหาวิญญาณรู้รส

     ช้างแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิเป็นพญาช้างมีชื่อว่าอุโบสถสีขาวเผือกสง่างามมีฤทธิ์เดชสามารถเหาะได้คล่องแคล่วว่องไวฝึกหัดได้เองสามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีปจรดขอบมหาสมุทรได้ตั้งแต่เช้ารุ่งและกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้าพระเจ้าจักรพรรดิช้างแก้วช้างแก้วช้างแก้วพญาช้าง

     ชาติที่๑เพื่อบำเพ็ญเนกขัมมบารมีเป็นชาติแรกในทศชาติชาดกก่อนที่จะมาตรัสรู้เป็นสมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านามพระสมณโคดมในชาตินี้พระองค์ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมีหมายถึงการละทิ้งจากกามคุณทั้ง๕ เตมีย์ใบ้ชาดก เตมีย์ใบ้ชาดก เตมีย์ชาดก เนกขัมมบารมี

     ชาติที่๑๐เพื่อบำเพ็ญทานบารมีสำหรับชาติสุดท้ายเป็นชาติที่สำคัญและบำเพ็ญบารมีอันยิ่งใหญ่คือเวสสันดรชาดกหรือเรื่องพระเวสสันดร เวสสันดรชาดก เวสสันดรชาดก เวสสันดรชาดก ทานบารมี

     ชาติที่๒เพื่อบำเพ็ญวิริยบารมีมหาชนกชาดกพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระชนกกุมารโอรสพระเจ้าอริฏฐชนกกษัตริย์เมืองมิถิลาขณะที่เสด็จลงสำเภาไปค้าขายเกิดพายุใหญ่เรือแตกกลางมหาสมุทรพระมหาชนกทรงว่ายน้ำโต้คลื่นอยู่ในมหาสมุทรถึง๗วันนางเมขลาเห็นจึงพูดลองใจว่าให้พระองค์ยอมตายเสียเสียตามบุญตามกรรมแต่พระองค์ก็ไม่ทรงฟังยังพยายามว่ายน้ำโต้คลื่นอยู่ตามเดิมนางเมขลาเห็นเลื่อมใสในความพยายามจึงอุ้มพระองค์เหาะไปส่งที่ฝั่งพระชาตินี้พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญวิริยบารมี มหาชนกชาดก มหาชนกชาดก ชนกชาดก วิริยบารมี

     ชาติที่๓เพื่อบำเพ็ญเมตตาบารมีสุวรรณสามชาดกพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพรหมฤๅษีต้องรับภาระเลี้ยงดูบิดามารดาผู้ตาบอดวันหนึ่งกบิลยักษ์แผลงศรมาถูกได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสแต่ก็ไม่ได้โกรธกลับแสดงเมตตาจิตต่อและเทศนาทศพิธราชธรรมให้กบิลยักษ์ฟังด้วยอำนาจแห่งเมตตาธรรมทำให้พระสุวรรณสามหายเจ็บปวดรอดชีวิตมาได้และบิดามารดาก็กลับมีจักษุดีพระชาตินี้พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมี สุวรรณสามชาดก สุวรรณสามชาดก สุวรรณสามชาดก เมตตาบารมี

     ชาติที่๔เพื่อบำเพ็ญอธิษฐานบารมีเนมิราชชาดกเป็นชาติที่๔ของทศชาติชาดกพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเนมิราชโอรสเจ้าเมืองมิถิลาโปรดการบริจาคทานและรักษาพรหมจรรย์พระอินทร์ทรงพอพระทัยถึงกับให้พระมาตุลีนำทิพยรถมารับไปเที่ยวเมืองสวรรค์และเมืองนรกแล้วเชิญให้ครองเมืองสวรรค์พระเนมิราชไม่ทรงรับและเสด็จกลับบ้านเมืองของพระองค์พอทรงชราก็ออกผนวชพระชาตินี้พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี เนมิราชชาดก เนมิราชชาดก เนมิราชชาดก อธิษฐานบารมี

     ชาติที่๕เพื่อบำเพ็ญปัญญาบารมี มโหสถชาดก มโหสถชาดก มโหสถชาดก ปัญญาบารมี

     ชาติที่๖เพื่อบำเพ็ญศีลบารมี ภูริทัตชาดก ภูริทัตชาดก ภูริทัตชาดก ศีลบารมี

     ชาติที่๗เพื่อบำเพ็ญขันติบารมี จันทชาดก จันทชาดก จันทชาดก ขันติบารมี

     ชาติที่๘เพื่อบำเพ็ญอุเบกขาบารมี นารทชาดก นารทชาดก นารทชาดก อุเบกขาบารมี

     ชาติที่๙เพื่อบำเพ็ญสัจจบารมี วิทูรชาดก วิทูรชาดก วิทูรชาดก สัจจบารมี

     ชื่อของเมืองมาจากชื่อของฤๅษีชื่อสวัตถะหรืออีกนัยหนึ่งเมืองสาวัตถีมาจากคำภาษาบาลีที่แปลว่ามีสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคเพียบพร้อมทุกอย่างหรือจากตำนานที่ว่าเมื่อพ่อค้ามาที่เมืองนี้มักถูกถามว่ามีข้าวของอะไรมาขายบ้างซึ่งคำว่าทุกอย่างมาจากภาษาบาลีว่าสพฺพํอตฺถิซึ่งสพฺพํแปลว่าทุกอย่างหรือมาจากภาษาสันสกฤตว่าสรฺวํอสฺติจึงกลายมาเป็นชื่อเมืองนี้ว่าสาวัตถีหรือศราวัสตี สาวัตถี สาวัตถี

     ชอบทำตัวเองหัวปักหัวปําไม่ลืมหูลืมตาประเภทคลั่งดารานักร้องทุ่มเทจนหมดจิตหมดใจถวายชีวาให้เหมือนเอาชีวิตไปผูกไว้กับคนๆนั้นอยากจะมีส่วนร่วมในทุกเหตุการณ์ทุกลมหายใจถึงขนาดว่าถ้าเขาตายฉันก็จะยอมตายตามด้วยสุดท้ายก็จบลงด้วยความผิดหวังเพราะเป็นรักที่เกิดขึ้นฝ่ายเดียวทำให้เป็นผู้ที่มีชีวิตอย่างไร้แก่นสารสาระมีแต่ความสูญเปล่าไม่รู้จักคุณค่าของการเกิดเป็นคนไม่รู้จักสํานึกในบุญคุณของผู้ที่ให้กําเนิดและอบรมเลี้ยงดูมาค่ะ ได้เวลาชําระจิตชํารุด,ปันยา,มิถุนายน๒๕๕๒ ความรัก ความรัก ความรัก คลั่งไม่รู้จักคุณค่าของการเกิดเป็นคน

     ชีวิตนี้มีคุณค่าอย่าปล่อยเวลาให้ไร้ประโยชน์ด้วยการมัวเมาติดใจหลงใหลในกายเรากายเขาซึ่งเป็นของสมมุติมันจะทุกข์หนักนะคะชีวิตนี้มีคุณค่ามหาศาลด้วยการปฏิบัติภารกิจในชั่วชีวิตน้อยนิดของความเป็นคนให้ครบจบหน้าที่ของความเป็นคนก็ไปเสวยสุขเบื้องบนพระนิพพานค่ะเกษรสุทธจิตจันทร์ประภาพพระโอวาทแดนทิพย์นิพพานชีวิตคนเรานี้ควรทำอะไรพุทธศาสนาพุทธศาสนาชี้ทางออกจากคุก

     ชั้นที่อสัญญีสัตตาภูมิที่สถิตแห่งพระพรหมผู้หาสัญญามิได้คือมีแต่รูปพรหมโลกชั้นที่๑๑อสัญญีสัตตาภูมิเป็นที่อยู่ของพระพรหมผู้อุบัติเกิดด้วยอำนาจแห่งสัญญาวิราคภาวนาเสวยสุขอันประณีตนักหนาเคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญสมถกรรมฐานจนได้สำเร็จจตุตถฌานอันเป็นรูปฌานขั้นสูงสุดสถิตย์อยู่ในปราสาทแก้ววิมานอันมโหฬารกว้างขวางมีบุปผชาติประดับประดาเรียบไม่รู้แห้งเหี่ยวมีหน้าตาสวยสง่าอุปมาดังรูปพระปฏิมากรพุทธรูปทองคำขัดสีแต่มีอิริยาบถไม่เหมือนกันบางองค์นั่งบางองค์นอนบางองค์ยืนมีอิริยาบถใดก็เป็นอย่างนั้นตลอดไปไม่เคลื่อนไหวจักษุทั้งสองก็มิได้กะพริบเลยสถิตย์เสวยสุขเป็นประดุจรูปปั้นอยู่อย่างนั้นชั่วกาลมีอายุแห่งพรหมประมาณ๕๐๐มหากัปพรหมภูมิรูปพรหมรูปพรหมรูปพรหมจตุตถฌาน

     ชั้นที่อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิที่สถิตแห่งพระพรหมผู้ทรงคุณพิเศษไม่มีใครเป็นรองสูงขึ้นไปต่อจากสุทัสสีสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณได้๕ล้าน๕แสน๘พันโยชน์เป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามีอริยบุคคลทั้งหลายผู้มีวาสนาบารมีมีกิเลสธุลีเหลือติดอยู่น้อยนักหนาโดยท่านเหล่านี้เคยเป็นพระสาวกแห่งพระพุทธองค์อุตสาหะจำเริญวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถยังตติยมรรคให้บังเกิดในขันธสันดานได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลและในขณะที่เจริญวิปัสสนากรรมฐานปรากฏว่าเป็นผู้มีปัญญินทรีย์คือมีปัญญาแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่นฉะนั้นท่านพระพรหมอนาคามีบุคคลที่อุบัติเกิดในอกนิฏฐพรหมโลกนี้จึงมีคุณสมบัติวิเศษยิ่งกว่าบรรดาพระพรหมทั้งสิ้นในพรหมโลกทั้งหลายรวมทั้งสุทธาวาสพรหมทั้งสี่ที่กล่าวมาแล้วมีอายุแห่งพรหมประมาณ๑๖๐๐๐มหากัปพรหมโลกนี้มีพระเจดีย์เจ้าองค์สำคัญซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเป็นพรหมโลกที่เคารพนับถือพระบวรพุทธศาสนาองค์หนึ่งมีนามว่าทุสสะเจดีย์ซึ่งเป็นที่บรรจุผ้าขาวของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสด็จออกผนวชโดยพระพรหมทั้งหลายได้นำบริขารและไตรจีวรลงมาถวายและพระองค์ได้ถอดผ้าขาวที่ทรงอยู่ยื่นให้พระพรหมจึงรับเอาและนำมาบรรจุไว้ยังเจดีย์ที่นฤมิตขึ้นนี้และเป็นที่สักการบูชาของพระพรหมทั้งหลายในปัจจุบันพระพรหมอนาคามีทั้งหลายในสุทธาวาสพรหมแรกทั้ง๔หากยังมิได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์และดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานพอสิ้นพรหมายุขัยก็ต้องจุติจากสุทธาวาสพรหมภูมิที่ตนสถิตอยู่มาอุบัติในชั้นที่๑๖นี้เพื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์และดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานโดยทั้งสิ้นจึงอาจกล่าวได้ว่าอกนิฏฐสุทธาวาสพรหมภูมินี้เป็นพรหมภูมิที่มีศีลคุณสมาธิคุณปัญญาคุณอยางประเสริฐล้ำเลิศยิ่งกว่าพรหมโลกชั้นอื่นๆทั้งหมดพรหมภูมิรูปพรหมรูปพรหมรูปพรหมศีลคุณสมาธิคุณปัญญาคุณ

     ชั้นที่๑พรหมปาริสัชชาภูมิที่สถิตแห่งพระพรหมผู้เป็นบริวารแห่งท้าวมหาพรหมพรหมโลกชั้นที่๑พรหมปาริสัชชาภูมิเป็นพรหมโลกชั้นแรกเป็นพรหมชั้นล่างสุดตั้งอยู่เบื้องบนสูงกว่าปรนิมมิตวสวัตตีสวรรค์ขึ้นไปถึงห้าล้านห้าแสนแปดพันโยชน์คือไกลจากมนุษยโลกจนไม่สามารถนับได้ซึ่งหากเอาก้อนศิลาขนาดเท่าปราสาทเหล็กหรือโลหปราสาททิ้งลงมาจากชั้นนี้ยังใช้เวลาถึงเดือนจึงจะตกถึงแผ่นดินพระพรหมในที่นี้มีคุณวิเศษโดยเคยเจริญสมถกรรมฐานจนได้บรรลุปฐมฌานอย่างสามัญมาแล้วทั้งสิ้นเสวยปณีตสุขอยู่มีความเป็นอยู่อย่างแสนจะสุขนักหนาตราบจนหมดพรหมายุขัยมีอายุแห่งพรหมประมาณส่วนที่๓แห่งมหากัปคือ๑ใน๓ของมหากัปพรหมภูมิรูปพรหมรูปพรหมรูปพรหมปฐมฌานอย่างสามัญ

     ชั้นที่๑๐เวหัปผลาภูมิที่สถิตแห่งพระพรหมผู้ได้รับผลแห่งฌานอันไพบูลย์พรหมโลกชั้นที่๑๐เวหัปผลาภูมิเป็นที่อยู่ของพระพรหมทั้งหลายผู้ได้รับผลแห่งฌานกุศลอย่างไพบูลย์มีอายุแห่งพรหมประมาณ๕๐๐มหากัปอนึ่งผลแห่งฌานกุศลที่ส่งให้ไปอุบัติเกิดในพรหมโลก๙ชั้นแรกนั้นไม่เรียกว่ามีผลไพบูลย์เต็มที่ทั้งนี้ก็โดยมีเหตุผลตามสภาวธรรมที่เป็นจริงดังต่อไปนี้เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยไฟนั้นพรหมภูมิ๔ชั้นแรกก็ถูกทำลายไปด้วยเมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยน้ำนั้นพรหมภูมิ๖ชั้นแรกก็ถูกทำลายไปด้วยเมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยลมนั้นพรหมภูมิทั้ง๙ชั้นแรกก็ถูกทำลายไปไม่มีเหลือเลยพรหมภูมิรูปพรหมรูปพรหมรูปพรหมฌานอันไพบูลย์

     ชั้นที่๑๒อวิหาสุทธาวาสภูมิที่สถิตแห่งพระพรหมผู้ไม่เสื่อมคลายในสมบัติแห่งตนสูงขึ้นไปจากอสัญญีสัตตาภูมิประมาณ๕ล้าน๕แสน๘พันโยชน์เป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามีอริยบุคคลที่ไม่ละทิ้งสมบัติเป็นผู้มีวาสนาบารมีกิเลสธุลีเหลือติดอยู่ในจิตสันดานน้อยมากด้วยได้เคยเป็นสาวกแห่งพระพุทธองค์พบพระบวรพุทธศาสนาแล้วมีปกติเห็นภัยในวัฏสงสารอุตสาหะจำเริญวิปัสสนากรรมฐานจนยังตติยมรรคให้เกิดในขันธสันดานได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลจะสถิตย์อยู่จนอายุครบกำหนดไม่จุติเสียก่อนต่างจากพระพรหมในสุทธาวาสภูมิที่เหลืออยู่อีก๔ภูมิคือพระพรหมในอีก๔สุทธาวาสภูมิที่เหลือซึ่งอาจมีการจุติหรือนิพพานเสียก่อนอายุครบกำหนดมีอายุแห่งพรหมประมาณ๑๐๐๐มหากัปพรหมภูมิรูปพรหมรูปพรหมรูปพรหมตติยมรรค

     ชั้นที่๑๓อตัปปาสุทธาวาสภูมิที่สถิตแห่งพระพรหมผู้ไม่เดือดร้อนกับใครสูงขึ้นไปต่อจากอวิหาสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณได้๕ล้าน๕แสน๘พันโยชน์เป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามีผู้ละซึ่งเป็นกิเลสอันทำให้จิตเดือดร้อนทั้งทางกายวาจาและใจเลยย่อมเข้าฌานสมาบัติหรือผลสมาบัติอยู่เสมอนิวรณธรรมซึ่งเป็นกิเลสอันทำให้จิตเดือดร้อนไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ฉะนั้นจิตใจของท่านเหล่านั้นจึงมีแต่สงบเยือกเย็นได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลและในขณะที่เจริญวิปัสสนากรรมฐานปรากฏว่าเป็นผู้มีวิริยินทรีย์คือมีวิริยะแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่นมีอายุแห่งพรหมประมาณ๒๐๐๐มหากัปพรหมภูมิรูปพรหมรูปพรหมรูปพรหมวิริยะแก่กล้า



๒๓ ความรู้ต่อไป

| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | ก ถึง ฮ