ก | ข | ค | ง | จ | ฉ | ช | ซ | ฌ | ญ | ฐ | ฑ | ฒ | ณ | ด | ต | ถ | ท | ธ | น | บ | ป | ผ | ฝ | พ | ฟ | ภ | ม | ย | ร | ล | ว | ศ | ษ | ส | ห | ฬ | อ | ฮ | ก ถึง ฮ
คือไม่น่าชื่นชมน่าเกลียดน่าระอาน่ะค่ะในคำวัดใช้หมายถึงซากศพในสภาพต่างๆซึ่งท่านกำหนดเป็นอารมณ์กรรมฐานได้กล่าวไว้โดยรวม๑๐อย่างคือ๑อุทธุมาตกะซากศพทีพองขึ้นอืด๒วินีลกะซากศพที่เขียวคล้ำ๓วิปุพพกะซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม๔วิจฉิททกะซากศพที่ขาดกลางตัว๕วิกขายิตกะซากศพที่ถูกสัตว์กัดกิน๖วิกขิตตกะซากศพที่มีมือเท้าศีรษะขาดหายไป๗หตวิกขิตตกะซากศพที่ถูกบั่นเป็นท่อนๆ๘โลหิตกะซากศพที่ถูกประหารมีเลือดไหลนอง๙ปุฬุวกะซากศพที่เน่าเฟะคลาคล่ำด้วยตัวหนอน๑๐อัฏฐิกะซากศพที่เหลือแต่โครงกระดูกและนิยมใช้คู่กับคำอื่นๆที่เกี่ยวข้องกันเช่นอสุภกถาอสุภกรรมฐานอสุภนิมิตอสุภาวนาอสุภสัญญาเป็นต้นค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อสุภ
อสุภ
อสุภ
อสุภ
น่าเกลียด
คู่ที่๑พระผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรคโสดาปัตติผลคู่ที่๒พระผู้ตั้งในสกิทาคามิมรรคสกิทาคามิผลคู่ที่๓พระผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิมรรคอนาคามิผลคู่ที่๔พระผู้ตั้งอยู่ในอรหัตมรรคอรหัตผล
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อริยบุคคล
อริยบุคคล
ค่ะมีข้อสังเกตคือในเวลานั้นพระพุทธเจ้ายังไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยปาติโมกข์ฉะนั้นที่ตรัสให้สำรวมในพระปาติโมกข์จึงมีความหมายคือปาติโมกข์ที่เป็นตัวแบบฉบับอันควรที่สมณะจะพึงปฏิบัติโดยทั่วไปพระโอวาททั้งหมดนี้เรียกว่าพระโอวาทปาติโมกข์ปาติโมกข์ที่เป็นโอวาทพระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระอรหันต์ทั้งนั้นจึงมิได้มุ่งที่จะอบรมให้ท่านบรรลุมรรคผลแต่ว่ามุ่งที่จะวางแนวพระพุทธศาสนาหน่ะค่ะ
คลังความรู้ปกิณกธรรมวันมาฆบูชาโอวาทปาติโมกข์หัวใจพระพุทธศาสนาโอวาทปาติโมกข์
โอวาทปาติโมกข์
โอวาทปาติโมกข์
โอวาทปาติโมกข์
เป็นตัวแบบฉบับ
ค่ะอุโบสถยังหมายถึงสถานที่ที่พระสงฆ์ประชุมทำสังฆกรรมตามพระวินัยเรียกตามคำวัดว่าอุโบสถาคารบ้างอุโบสถัคค่ะบ้างแต่เรียกโดยทั่วไปว่าโบสถ์การเข้าจำคือการรักษาศีล๘ของอุบาสกอุบาสิกาในวันขึ้นและแรม๘ค่ำ๑๕ค่ำเรียกว่ารักษาอุโบสถและรักษาอุโบสถศีลวันพระหรือวันฟังธรรมของคฤหัสวันขึ้นและแรม๘ค่ำ๑๕ค่ำซึ่งเป็นวันที่คฤหัสถ์รักษาอุโบสถกันเรียกว่าวันอุโบสถวันที่พระสงค์ลงฟังพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือนเรียกว่าวันอุโบสถการสวดพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือนหรือทุกวันอุโบสถของพระสงฆ์เรียกว่าการทำอุโบสถโบสถ์เป็นคำเรียกสถานที่สำหรับพระสงฆ์ใช้ประชุมกันทำสังฆกรรมตามพระวินัยเช่นสวดพระปาติโมกข์ให้อุปสมบทมีสีมาเป็นเครื่องบอกเขตคำว่าโบสถ์เป็นคำที่ใช้เฉพาะในพระพุทธศาสนาโบสถ์เรียกเต็มคำว่าอุโบสถหรือโรงอุโบสถถ้าเป็นของพระอารามหลวงเรียกว่าพระอุโบสถบางถิ่นเรียกว่าสีมาหรือสิมโบสถ์เป็นสถานที่ศักดิ์ศิทธิ์เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าเป็นเขตแดนที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้แก่สงฆ์เป็นพิเศษเรียกว่าวิสุงคามสีมาค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อุโบสถ
อุโบสถ
อุโบสถ
อุโบสถ
อุบาสกอุบาสิการักษาอุโบสถศีล
ความสนิทสนมของพระเจ้าปเสนทิโกศลกับพระพุทธองค์นั้นปรากฏในหลายเหตุการณ์เช่นทรงเข้ามาจูบกอดพระบาทของพระพุทธเจ้าซึ่งส่วนใหญ่เหตุการณ์เหล่านี้ได้ถูกบันทึกไว้ในธรรมเจดีย์สูตรโดยพระราชดำรัสของพระเจ้าปเสนทิโกศลทั้งพระสูตรแสดงถึงเหตุผลที่พระองค์ทรงรักและเคารพพระพุทธเจ้าโดยเปรียบเทียบกับลัทธิศาสนาอื่นไปด้วยหรือตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเคยกล่าวตักเตือนพระเจ้าปเสนทิโกศลว่ากินจุเหมือนหมูซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสนิทสนมกับพระพุทธองค์ได้อย่างดีด้วยค่ะสาวัตถีพระเจ้าปเสนทิโกศลพระเจ้าปเสนทิโกศลพระเจ้าปเสนทิโกศลกินจุเหมือนหมู
คัมภีร์อรรถกถาแต่งโดยพระอรรถกถาจารย์ซึ่งมีเป็นจำนวนหลายท่านมากและอรรถกถาจารย์ได้แต่งหนังสืออรรถกถาอธิบายไว้หมดครบทั้งหมดค่ะอรรถกถาอรรถกถาอรรถกถาอรรถกถาแต่งโดยพระอรรถกถาจารย์
คัมภีร์อรรถกถาเป็นหนังสือที่แต่งอธิบายความหรือคำที่ยากในพระไตรปิฎกให้เข้าใจง่ายขึ้นโดยยกศัพท์ออกมาอธิบายเป็นศัพท์ๆบ้างยกข้อความหรือประโยคยาวๆมาขยายความให้ชัดเจนขึ้นบ้างแสดงทัศนะและวินิจฉัยของผู้แต่งสอดแทรกเข้าไว้บ้างจึงเป็นหนังสือที่มีอุปการะแก่ผู้ศึกษาพระไตรปิฎกรุ่นหลังๆเป็นอย่างยิ่งค่ะอรรถกถาอรรถกถาอรรถกถาอรรถกถาสำคัญอธิบายความหรือคำที่ยาก
คือคัมภีร์ที่รวบรวมคำอธิบายความในพระไตรปิฎกภาษาบาลีเรียกว่าคัมภีร์อรรถกถาบ้างปกรณ์อรรถกถาบ้างจัดเป็นแหล่งความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่มีความสำคัญรองลงมาจากพระไตรปิฎกและใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างแพร่หลายในวงการศึกษาพระพุทธศาสนาค่ะอรรถกถาอรรถกถาอรรถกถาอรรถกถาอธิบายความในพระไตรปิฎก
คนที่มีสติไม่ว่าจะทำอะไรก็จะดูสํารวมสุภาพเรียบร้อยไปหมดน่ะสิค่ะเวลาจะลุกนั่งเดินเหินก็ไม่ส่งเสียงเกี๊ยะดังเต๊าะแต๊ะมาแต่ไกลคําพูดคําจาก็ไม่โหวกเหวกโวยวายให้เป็นที่รําคาญของคนอื่นเวลากินก็ไม่จุบจับ!จุ้บจั้บ!เมื่อถึงคราวตกใจก็ไม่วี้ดว้ายกระตู้ฮู้!ไรเงี้ยค่ะ
ได้เวลาชําระจิตชํารุด,ปันยา,มิถุนายน๒๕๕๒
ประโยชน์ของการมีสติ
สติ
สติ
สํารวมสุภาพเรียบร้อย
ค่อยๆตั้งสติแล้วพยายามหันมาเข้าใจชีวิตตามความเป็นจริงจะดีกว่านะคะเผื่อจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้นบ้างเพราะทุกสรรพสิ่งล้วนหนีไม่พ้นต้องวนเวียนอยู่ในวงจรของการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปด้วยกันท้ังส้ินหากเปลี่ยนมุมมองใหม่ก็จะได้พบได้เห็นสิ่งใหม่ๆจากที่เคยเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเห็นว่าดำเป็นขาวนั้นก็ควรจะให้ธรรมะเป็นเครื่องส่องสว่างนำทางแล้วเดินหน้าไปหาฝั่งดีกว่าวิ่งทะเล่อทะล่างุ่มง่ามมะงุมมะงาหราไปตามความเห็นผิดหลงพลาดของตัวเองค่ะ
แล้ววันหนึ่งใจที่เคยสับสนวุ่นวายก็จะค่อยๆสงบระงับความคิดที่เคยฟุ้งซ่านกระจัดกระจายก็จะเริ่มมีระบบระเบียบการกระทําที่เลิเล่อเผลอไผลก็จะมีสติคอยควบคุมกํากับกลายเป็นผู้มีปัญญาวิชชาเห็นโลกอย่างที่โลกน้ันเป็นและสามารถอยู่กับทุกข์ได้โดยไม่ต้องทุกข์อีกต่อไปค่ะและถ้าหากว่าใจสามารถพัฒนาไปถึงจุดปล่อยวางได้สำเร็จวงจรชีวิตก็จะสิ้นสุดลงได้เวลายุติเกมโอเวอร์ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปค่ะ
ได้เวลาชําระจิตชํารุด,ปันยา,มิถุนายน๒๕๕๒
ทางโลกและทางธรรม
คนก็เป็นแบบนั้นแหละอยากได้ไปหมดค่ะ
ตามติดชีวิตรีลัคคุมะคนโดอากิแต่งอลีนเฉลิมชัยกิจแปลจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ไดฟุกุ
คน
คน
อยากได้ทั้งหมด
คนมักพูดว่าเด็กนอนเยอะโตเร็วค่ะ
ตามติดชีวิตรีลัคคุมะคนโดอากิแต่งอลีนเฉลิมชัยกิจแปลจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ไดฟุกุ
เด็กนอนเยอะทำให้โตเร็ว
เด็ก
เด็ก
นอนเยอะโตเร็ว
คนเขาว่ากันว่ายิ่งเคี้ยวยิ่งดีต่อสมองแหละค่ะ
ตามติดชีวิตรีลัคคุมะคนโดอากิแต่งอลีนเฉลิมชัยกิจแปลจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ไดฟุกุ
การเคี้ยว
เคี้ยว
การเคี้ยว
ยิ่งเคี้ยวยิ่งดีต่อสมอง
คนไม่รู้หรอกว่าจะมีหนทางมากมายแค่ไหน
ตามติดชีวิตรีลัคคุมะคนโดอากิแต่งอลีนเฉลิมชัยกิจแปลจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ไดฟุกุ
ทาง
คน
ทาง
ไม่รู้มีหนทางมาก
ความเป็นไปได้อะมีอยู่ตลอดแหละค่ะ
ตามติดชีวิตรีลัคคุมะคนโดอากิแต่งอลีนเฉลิมชัยกิจแปลจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ไดฟุกุ
ความเป็นไปได้มีอยู่ตลอด
คบคนชั่วมีโทษโดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง๖ประเภทคือ๑นำให้เป็นนักเลงการพนัน๒นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้๓นำให้เป็นนักเลงเหล้า๔นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม๕นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า๖นำให้เป็นคนหัวไม้อบายมุข
อบายมุข๖
คบคนชั่ว
คบคนชั่ว
เป็นคนชั่ว
คบคนชั่วเป็นมิตรเพราะคนชั่วย่อมชักนำไปในทางที่ชั่วเช่นชักชวนเป็นนักเลงประเภทต่างๆคือนักเลงหญิงนักเลงสุรานักเลงพนันนักเลงหัวไม้เหล่านี้แต่ละอย่างล้วนเป็นปากทางแห่งความเสื่อมทั้งสิ้นสุภาษิตโบราณท่านว่าคบคนดีเป็นศรีแก่ตัวคบคนชั่วอัปราชัยอบายมุขอบายมุขอบายมุขปากทางแห่งความเสื่อม
คิดดูง่ายง่ายนะคะอยู่บ้านเดียวกันไปทำบุญมาแล้วถ้าไม่บอกเขาเขาก็ไม่ทราบเมื่อไม่ทราบจะอนุโมทนาได้อย่างไรเพราะฉะนั้นไม่ว่าคนที่ตายแล้วหรือยังไม่ได้ตายถ้าทำบุญแล้วไม่บอกให้เขาอนุโมทนาบุญเขาก็อนุโมทนาไม่ได้แม้เขาอยากจะได้ส่วนบุญก็ตามค่ะ
คนเราตายแล้วไปไหน
บุญ
บุญ
บุญ
บอกให้อนุโมทนา
ค่ะเมื่อได้นำเทียนไปถวายพระสงฆ์แล้วท่านก็จะได้นำไปจุดบูชาต่อหน้าพระประธานในพระอุโบสถผู้ถวายย่อมได้รับอานิสงค์คือ๑ทำให้เกิดปัญญาทั้งชาตินี้และชาติหน้าเปรียบเหมือนแสงสว่างแห่งเทียน๒ทำให้สว่างไสวรุ่งเรืองผู้ถวายย่อมทำให้มีความรุ่งเรืองด้วยลาภยศสรรเสริญ๓ทำให้คลี่คลายเรื่องราวต่างๆที่มีปัญหาให้ร้ายกลายเป็นดี๔เจริญไปด้วยมิตรบริวาร๕ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย๖เมื่อจากโลกนี้ไปย่อมมีกายทิพย์อันสว่างไสว๗เมื่อลาลับโลกนี้ไปย่อมไปสู่สุคติสวรรค์และ๘หากบารมีมากพอย่อมทำให้เกิดดวงตาจักษุคือปัญญารู้แจ้งเข้าสู่พระนิพพานค่ะ
อานิสงส์
อานิสงส์
อานิสงส์
สว่างไสวรุ่งเรือง
คือปรกติคนได้ยินคำว่าอภัยทานคนก็สำคัญไปว่ารู้จักเข้าใจและยังรู้สึกด้วยว่าทำได้ไม่ยากแต่พอทำลงไปแล้วมันกลับแสดงความไม่ตรงคือมีการเลือนหายไม่เที่ยงดังนั้นควรมาเข้าใจวิธีการของผู้มีธรรมในการวิจัยรสอารมณ์การทำอภัยทานให้ถูกต้องกันเสียก่อนนะคะสมมติว่าอภัยทานที่เข้าใจอยู่นั้นเป็นเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ได้ฟังมารู้ชื่อเรียกสามารถบัญญัติได้เปล่งวาจาอ้างถึงได้แต่ทว่ามันเป็นเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงพอถึงจุดๆหนึ่งมันก็สลายหายไปอุปมาเหมือนแสงจันทร์บนผืนน้ำหากไม่มีอะไรรบกวนอาจจะเข้าใจว่านั่นคือดวงจันทร์ดวงเดียวกันที่อยู่บนฟ้าแต่พอมีคลื่นเข้ามารบกวนเพียงนิดเดียวก็ระลึกได้ว่านั่นไม่เที่ยงไม่ใช่ของจริงไม่ตรงความเป็นจริงเสียแล้วเผลอหมายเอาว่ามันเป็นจริงไปชั่วระยะหนึ่งคลาดเคลื่อนไปทีนี้จะทำอย่างไรให้อภัยทานปรากฏชัดตามความเป็นจริงก็ให้ยอมรับไปก่อนว่าอภัยทานที่อาศัยกระทำไปก่อนนั้นเราได้กระทำแล้วมันมีคุณคือช่วยให้สงบรำงับช่วงหนึ่งมันมีโทษเมื่อมันปรากฏความไม่เที่ยงเป็นทุกข์พอมันไม่เที่ยงเป็นทุกข์ก็เพียงแต่รับรู้ถึงความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ของมันไปตามตรงแล้วก็กระทำอภัยทานใหม่ทำซ้ำจนกว่าจะเข้าใจถึงสรรพสิ่งใดๆมันมีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดาที่ผ่านมาเพียงแต่สำคัญว่ามันเที่ยงจึงเผลอจับยึดพอเห็นว่าทุกสรรพสิ่งมีความไม่เที่ยงการจับยึดย่อมเป็นตัวทุกข์นำทุกข์มาให้ไม่กาลใดก็กาลหนึ่งเป็นเช่นนี้จิตจะปล่อยอภัยทานตัวที่ไม่ถูกต้องตรงความเป็นจริงลงเมื่อนั้นหากดำริอภัยทานซ้ำหรือแม้แต่ไม่ต้องดำริอภัยทานเลยการอภัยทานก็เกิดขึ้นอยู่แล้วเต็มอยู่ในจิตปลอดโปร่งโล่งเบาตั้งมั่นเบิกบานจริงด้วยไม่เลือนด้วยและนำสุขอย่างยิ่งมาให้เรียกอีกอย่างว่ามีจักษุธรรมหรือเห็นธรรมค่ะเอกวีร์
การให้อภัย
อภัยทาน
อภัยทาน
ไม่เที่ยง
คนสามารถประกอบกรรมได้๓ทางค่ะกรรม
การทำกรรม
กรรม
๓ทาง
ความเห็นผิดเป็นชอบก็จะเกิดขึ้นแทนน่ะสิคะเมื่อเห็นผิดเป็นชอบจึงทำความชั่วเมื่อทำความชั่วบ่อยเข้านิสัยเลวๆก็เกิดการสั่งสมอาสวะก็เกิดผลทุกข์ที่เดือดร้อนแสนสาหัสที่ยาวนานก็เกิดและกลายเป็นความทุกข์ที่ไม่สิ้นสุดค่ะจนกว่าจะคิดได้ในวันใดวันหนึ่งวันนั้นจึงจะเริ่มทำความเข้าใจกฎแห่งกรรมแต่ถ้าในยุคนนั้นไม่มีพระพุทธศาสนามาบังเกิดขึ้นก็จะต้องทุกข์ต่อไปวันใดเข้าใจในสัมมาทิฐิเบื้องต้น๑๐ประการวันนั้นคือวันที่จะได้มีโอกาสพ้นทุกข์ค่ะ
ทำไมต้องสัมมาทิฐิ
สัมมาทิฐิ
สัมมาทิฐิ
เห็นผิดเป็นชอบ
ค่ะแม้จะไม่ได้เบียดเบียนใครแต่ก็ถือว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิดสิคะเมื่อไม่เห็นคุณแผ่นดินคิดแต่จะหาความสุขใส่ตัวก็จะทำให้มีกรรมที่ทำให้ตนต้องต่ำต้อยติดธรณีนี่แหละค่ะ
อาจารย์อัจฉราวดีวงศ์สกล
ทำไมคนที่ไม่เสียสละต้องเกิดมาต่ำต้อยทั้งๆที่ไม่ได้ทำใครเดือดร้อน
ไม่เสียสละ
คนไม่เสียสละ
ใครเดือดร้อน
๒๓ ความรู้ก่อนหน้า |๒๓ ความรู้ต่อไป
ก | ข | ค | ง | จ | ฉ | ช | ซ | ฌ | ญ | ฐ | ฑ | ฒ | ณ | ด | ต | ถ | ท | ธ | น | บ | ป | ผ | ฝ | พ | ฟ | ภ | ม | ย | ร | ล | ว | ศ | ษ | ส | ห | ฬ | อ | ฮ | ก ถึง ฮ