ก | ข | ค | ง | จ | ฉ | ช | ซ | ฌ | ญ | ฐ | ฑ | ฒ | ณ | ด | ต | ถ | ท | ธ | น | บ | ป | ผ | ฝ | พ | ฟ | ภ | ม | ย | ร | ล | ว | ศ | ษ | ส | ห | ฬ | อ | ฮ | ก ถึง ฮ
อนุพยัญชนะคือลักษณะน้อยๆหรือลักษณะอันเป็นข้อปลีกย่อยของพระมหาบุรุษหรือมหาปุริสลักขณะนิยมเรียกกันว่าอสีตยานุพยัญชนะหรืออนุพยัญชนะค่ะ
อนุพยัญชนะ
อนุพยัญชนะ
อนุพยัญชนะ
อนุพยัญชนะ
พระมหาบุรุษ
อนุพุทธะมาจากศัพท์ว่าอนุตามบวกพุทธะผู้รู้แปลว่าผู้ตรัสรู้ตามค่ะ
อนุพุทธะ
อนุพุทธะ
อนุโมทนาแปลว่าความยินดีตามความพลอยยินดีค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อนุโมทนา
อนุโมทนา
อนุโมทนา
อนุโมทนา
ความยินดีตาม
อนุโมทนากถาเป็นบทสวดมนต์ของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาที่สวดเพื่อมุ่งประสงค์ให้ผู้ถวายทานแก่พระสงฆ์เกิดความยินดีในทานหรือเพื่อแสดงธรรมแก่ผู้ถวายในสมัยพุทธกาลพระสูตรสำคัญๆเกิดจากคำอนุโมทนากถาของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงแก่ผู้ถวายทานตามสถานที่ต่างๆที่พระองค์เสด็จไปรับบิณฑบาตปัจจุบันพระสงฆ์มีบทสวดสำหรับอนุโมทนาโดยเฉพาะส่วนใหญ่จะตัดตอนมาจากพระสูตรในพระไตรปิฎกซึ่งมีบทที่พระสงฆ์ใช้สวดเป็นประจำไม่กี่พระสูตรแต่บทที่พระสงฆ์สวดนำเป็นปกติทุกครั้งก่อนที่จะสวดเนื้อหาในพระสูตรคือบทอนุโมทนารัมภกถาและบทสามัญญานุโมทนากถาหรือที่เรียกกันสั้นๆว่ายถาสัพพีซึ่งเป็นบทสวดที่ไม่ใช่พระพุทธพจน์โดยบทยถาเป็นการให้พรอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วส่วนบทสัพพีมีเนื้อหากล่าวถึงการอำนวยมงคลและอวยพรให้ผู้ถวายทานปราศจากอันตรายทั้งหลายค่ะนอกจากจะหมายถึงบทสวดภาษาบาลีของพระสงฆ์แล้วยังอาจหมายถึงคำกล่าวของพระสงฆ์ที่แสดงในงานต่างๆเพื่อขอบคุณเจ้าภาพอีกด้วยนะคะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อนุโมทนา
อนุโมทนา
อนุโมทนากถา
อนุโมทนา
ผู้ถวายยินดีในทาน
อภิญญาแปลว่าความรู้ยิ่ง
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อภิญญา
อภิญญา
อภิธรรมคือธรรมที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นอนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใดอภิธรรม
อภิธรรม
อภิธรรม
ธรรมที่ยิ่งใหญ่
อภิธัมมาวตารเป็นผลงานการเรียบเรียงของท่านพระพุทธัตตะหรือท่านพุทธัตตาจารย์ชาวชมพูทวีปผู้ชำนาญพระไตรปิฎกซึ่งท่านได้เรียบเรียงขึ้นจากเนื้อหาในพระอภิธรรมปิฎกอรรถกถาของพระไตรปิฎกภาษาบาลีต่างๆทั้งที่สืบมาแต่ครั้งพุทธกาลและของอาจารย์ผู้ทรงจำพระไตรปิฎกที่มีชื่อเสียงมีความรู้มากในยุคก่อนพศ๑๐๐๐โดยมีรูปแบบเป็นสังเขปัฏฐกถาคือนำเนื้อหามาย่อลงเหลือแต่ที่เป็นหลักซึ่งคล้ายกับวิสุทธิมรรคฉบับย่อนั่นเองซึ่งท่านจัดเป็นบทรวม๒๔บท(ปริจเฉท)ค่ะ
อภิธัมมาวตาร
อภิธัมมาวตาร
อภิธัมมาวตาร
อภิธัมมาวตาร
นำเนื้อหามาย่อลงเหลือแต่ที่เป็นหลัก
อภิธัมมาวตารแปลว่าหยั่งลงสู่อภิธรรมหรือหยั่งรู้เข้าใจในสรรพสิ่งทุกประการอย่างละเอียดที่สุดค่ะ
อภิธัมมาวตาร
อภิธัมมาวตาร
อภิธัมมาวตาร
อภิธัมมาวตาร
หยั่งรู้เข้าใจในสรรพสิ่ง
อย่างพระเจ้าอชาตศัตรูได้ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชบิดาต่อมาสำนึกผิดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตจนถูกพระราชโอรสลอบปลงพระชนม์บุญกุศลที่ได้ทำไว้ทำให้พระองค์ไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจีแต่ให้ไปเกิดขุมนรกที่ชื่อว่าโลหกุมภีนรกเสวยทุกขเวทนาเป็นเวลา๖๐๐๐๐ปีนรกค่ะ
อนันตริยกรรม
อนันตริยกรรม
อนันตริยกรรม
อนันตริยกรรม
นรกอเวจี
อรัญวาสีอ่านว่าอะรันยะแปลว่าผู้อยู่ในป่าผู้อยู่ประจำป่าค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อรัญวาสี
อรัญวาสี
อรัญวาสีเป็นชื่อเรียกคณะสงฆ์โบราณคณะหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในป่าห่างชุมชนเรียกว่าคณะอรัญวาสีคู่กับคณะคามวาสีซึ่งตั้งวัดอยู่ในชุมชนปัจจุบันหมายถึงภิกษุผู้อยู่ในป่าหรือที่เรียกโดยทั่วไปว่าพระป่าซึ่งมีกิจวัตรประจำวันเน้นหนักไปในทางวิปัสสนาธุระคืออบรมจิตเจริญปัญญานุ่งห่มด้วยผ้าสีปอนหรือสีกรักมุ่งการปฏิบัติธรรมและการเผยแผ่เป็นหลักไม่เน้นงานด้านการบริหารปกครองการศึกษาพระปริยัติธรรมและสาธารณูปการหรือการก่อสร้างพัฒนาวัดและยังถูกนำมาใช้เป็นสร้อยนามสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ระดับพระราชาคณะขึ้นไปเพื่อแสดงให้รู้ว่าเป็นพระป่าอีกด้วยค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อรัญวาสี
อรัญวาสี
อริยบุคคลผู้หักกำล้อสังสารวัฏได้แล้วแบ่งได้หลายประเภทคือแบ่งอย่างใหญ่ได้เป็นพระเสขะและพระอเสขะแบ่งตามประเภทบุคคลมี๔ประเภทคือพระโสดาบันพระสกิทาคามีพระอนาคามีและพระอรหันต์และยังแบ่งย่อยเป็น๘ประเภทจัดเป็น๔คู่ได้อีกค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อริยบุคคล
อริยบุคคล
อริยบุคคล
อริยบุคคล
ผู้หักกำล้อสังสารวัฏได้
อริยบุคคลแปลว่าบุคคลผู้ประเสริฐผู้ไกลจากข้าศึกค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อริยบุคคล
อริยบุคคล
อวิชชาหมายถึงความไม่รู้แจ้งคือความไม่รู้ความเป็นจริงของสิ่งต่างๆโดยถูกต้องแจ่มแจ้งมิได้หมายถึงความไม่รู้ศิลปะวิชาการต่างๆหรือไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นต้นแต่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่จะนำคำว่าอวิชชาไปใช้เฉพาะกับวิชาในทางไสยศาสตร์เท่านั้นโดยเข้าใจกันว่าอวิชชาเป็นวิชาที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือหาประโยชน์เข้ามาใส่ตนเองโดยไม่สนใจผู้อื่นค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อวิชชา
อวิชชา
อวิชชาหมายถึงความไม่รู้ในอริยสัจคือไม่รู้ในทุกข์ได้แก่ไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่เป็นตัวทุกข์เช่นไม่รู้ความเกิดความแก่ความตายความผิดหวังเป็นตัวทุกข์ไม่รู้ในเหตุเกิดทุกข์ได้แก่ไม่รู้ว่าทุกข์นั้นเกิดมาจากตัณหาในจิตของตนเองมิใช่เกิดจากผีสางเทวดามิใช่เกิดจากการบันดาลไม่รู้ในความดับทุกข์ได้แก่ความไม่รู้ว่าทุกข์นั้นเมื่อเกิดแล้วสามารถดับได้โดยการกำจัดตัณหาให้หมดไปไม่รู้ในข้อปฏิบัติสำหรับดับทุกข์ได้แก่ไม่รู้ว่าทุกข์นั้นจะดับสนิทได้ด้วยมรรค๘มีสัมมาทิฐิเป็นต้นมิใช่ดับได้ด้วยการวิงวอนขอร้องให้คนอื่นช่วยความไม่รู้สึกตัวทั่วพร้อมโดยสมบูรณ์ในความเป็นจริงของสิ่งต่างๆในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับมันกล่าวคือไม่รู้กายในกายไม่รู้เวทนาในเวทนาไม่รู้จิตในจิตและไม่รู้ธรรมในธรรมก็คือไม่มีสติปัฏฐาน๔ที่บริบูรณ์นั้นเองคืออวิชชาค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อวิชชา
อวิชชา
อสาธารณอนันตริยกรรมคือเป็นอนันตริยกรรมที่ไม่ทั่วไปหมายความว่าภิกษุคือบรรพชิตเท่านั้นจึงจักกระทำสังฆเภทอนันตริยกรรมนี้ได้ค่ะ
อนันตริยกรรม
อสาธารณอนันตริยกรรม
อสาธารณอนันตริยกรรม
อสาธารณอนันตริยกรรม
ภิกษุคือบรรพชิตเท่านั้น
อสุภอ่านว่าอะสุบหรือจะอะสุบพะก็ได้นะคะเขียนก็เขียนอสุภะได้อีกเหมือนกันค่ะแปลว่าไม่งามไม่สวยไม่ดีค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อสุภ
อสุภ
อสุภ
อสุภ
ไม่งาม
อสุภกรรมฐานหมายถึงการบำเพ็ญกรรมฐานโดยการพิจารณาอสุภะหรือพิจารณาร่างกายของตนหรือของผู้อื่นว่าเป็นของไม่งามไม่น่ายึดมั่นถือมั่นแต่เป็นของน่าเกลียดโสโครกเช่นพิจารณาซากศพที่นอนให้เขารดน้ำก่อนใส่โลงก่อนเผาหรือฝังมองดูจนกระทั่งเกิดนิมิตติดตาแล้วกลับมานั่งนึกพิจารณาให้เห็นนิมิตนั้นจนเจนใจเหมือนเห็นศพจริงภาวนาไปจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งถึงไตรลักษณ์อสุภกรรมฐานเป็นเครื่องกำจัดราคะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายคลายรักยึดถือร่างกายคลายความหลงรูปหลงสวยหลงงามลงได้ค่ะและนิยมใช้คู่กับคำอื่นๆที่เกี่ยวข้องกันเช่นอสุภกถาอสุภกรรมฐานอสุภนิมิตอสุภาวนาอสุภสัญญาเป็นต้นค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อสุภกรรมฐาน
อสุภกรรมฐาน
อสุภกรรมฐาน
อสุภกรรมฐาน
ทำให้เบื่อหน่ายคลายรักยึดถือร่างกาย
อสุภกรรมฐานแปลว่ากรรมฐานที่กำหนดอสุภะเป็นอารมณ์กรรมฐานที่พิจารณาให้เห็นว่าเป็นของไม่งามค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อสุภกรรมฐาน
อสุภกรรมฐาน
อสุภกรรมฐาน
อสุภกรรมฐาน
กรรมฐานที่กำหนดอสุภเป็นอารมณ์
อสุรกายถ้ายกตัวอย่างแบบใกล้ตัวคนไทยก็ผีต่างต่างอย่างผีกระสือผีกระหังผีปอบผีตานีผีพรายผีบรรพบุรุษหรือพวกสัมภเวสีทั้งหลายเนี่ยแหละค่ะอสุรกายแบ่งเป็น๒จำพวกนะคะคือพวกที่มีกรรมหนักร่างกายจะทรุดโทรมหน้าตาซีดเซียวน่าเกลียดน่ากลัวเที่ยวหากินของสกปรกเช่นซากศพคนและสัตว์หรือเศษอาหารที่เขาทิ้งตามขยะหรือที่เขาจัดใส่กระทางทิ้งไว้ตามสี่แยกพวกนี้จะคอยหลบหน้าผู้คนอยู่เสมอค่ะพวกที่๒นี่พวกที่มีกรรมเบาบางกำลังจะพ้นจากความเป็นอสุรกายรูปร่างกายจะอ้วนท้วนสมบูรณ์แต่ผิวกายจะเป็นสีดำมีฤทธิ์สามารถบันดาลให้สมหวังในบางสิ่งบางอย่างได้มักชอบรับสินบนชาวบ้านอยู่ประจำตามศาลต่างต่างใครบูชาดีเลี้ยงดีก็บันดาลให้สมหวังใครลบหลู่ไม่ให้ความเคารพก็มักจะทำร้ายทำอันตรายให้ค่ะอย่างที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกล่าวไว้ในหนังสือไตรภูมิว่า
อสุรกายประเภทนี้มักจะปลอมตัวเป็นเจ้าเข้าทรงคนนั้นคนนี้ทำท่าเป็นเทพองค์นั้นองค์นี้เพื่อรับสินบานจากชาวบ้าน
ที่มาเครดิตหนังเสือสวดมนต์พ้นนรกส่งเสริมคุณธรรมพัฒนาชีวิตนึกถึงธรรมะคิดถึงพุทธะดอทคอมพุทธะ?
อสุรกาย
อสุรกาย
อสุรกาย
ผีต่างต่าง
อหิริกะเป็นธรรมชาติที่ไม่ละอายในการทำผิดทางกายวาจาใจ
โมหะ
อหิริกะ
อังสะคือผ้าที่ภิกษุสามเณรสวมเฉวียงบ่าเรียกว่าผ้าอังสะมีลักษณะเหมือนสไบเฉียงของผู้หญิงคือมีบ่าด้านเดียวเย็บติดกันด้านหนึ่งอีกด้านหนึ่งติดกระดุมบ้างติดสายสำหรับผูกให้กระชับในเวลาสวมบ้างติดกระเป๋าไว้ด้านหน้าบ้างด้านที่เย็บติดกันบ้างเวลาใช้สวมปืดบ่าซ้ายเปิดบ่าขวามีคติเหมือนเสื้อกล้ามหรือเสื้อชั้นในใช้สวมใส่ขณะอยู่ตามลำพังหรือทำงานเพื่อไม่ให้ดูเปลือยกายท่อนบนสมัยพุทธกาลไม่ปรากฏว่ามีการใช้ผ้าอังสะแม้ในประเทศไทยพระสงฆ์สมัยเก่าก็ไม่นิยมสวมอังสะคงถือคติแบบชายไทยสมัยโบราณที่ไม่นิยมสวมเสื้อเวลาอยู่ตามลำพังอังสะมิใช่บริขารของภิกษุสามเณรแต่เดิมเป็นของภิกษุณีสามเณรีและสิกขมานาเนื่องจากเป็นสตรีจึงต้องมีเสื้อหรืออังสะใส่เพื่อปกปิดถันเอาไว้และยังมีผ้าพันถันรวมถึงผ้านิสีทนะผ้า๓ชายที่มักอธิบายกันว่าเป็นผ้าปูนั่งหรือสันถัตนุ่งเช่นเดียวกับผ้าเตี่ยวเหมือนกางเกงในเมื่อมีประจำเดือนจะใช้ห่อผ้าซับเลือดอย่างผ้าอนามัยสมัยนี้ค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อังสะ
อังสะ
อัตตกิลมถานุโยคคือการประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตนเช่นบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นความลำบากไม่ใช่ของพระอริยะไม่ประกอบด้วยประโยชน์อัตตกิลมถานุโยค
๒๓ ความรู้ก่อนหน้า |๒๓ ความรู้ต่อไป
ก | ข | ค | ง | จ | ฉ | ช | ซ | ฌ | ญ | ฐ | ฑ | ฒ | ณ | ด | ต | ถ | ท | ธ | น | บ | ป | ผ | ฝ | พ | ฟ | ภ | ม | ย | ร | ล | ว | ศ | ษ | ส | ห | ฬ | อ | ฮ | ก ถึง ฮ