| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | ก ถึง ฮ

     อย่างพระเจ้าอชาตศัตรูได้ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชบิดาต่อมาสำนึกผิดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตจนถูกพระราชโอรสลอบปลงพระชนม์บุญกุศลที่ได้ทำไว้ทำให้พระองค์ไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจีแต่ให้ไปเกิดขุมนรกที่ชื่อว่าโลหกุมภีนรกเสวยทุกขเวทนาเป็นเวลา๖๐๐๐๐ปีนรกค่ะ อนันตริยกรรม อนันตริยกรรม อนันตริยกรรม อนันตริยกรรม นรกอเวจี

     อรัญวาสีอ่านว่าอะรันยะแปลว่าผู้อยู่ในป่าผู้อยู่ประจำป่าค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อรัญวาสี อรัญวาสี

     อรัญวาสีเป็นชื่อเรียกคณะสงฆ์โบราณคณะหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในป่าห่างชุมชนเรียกว่าคณะอรัญวาสีคู่กับคณะคามวาสีซึ่งตั้งวัดอยู่ในชุมชนปัจจุบันหมายถึงภิกษุผู้อยู่ในป่าหรือที่เรียกโดยทั่วไปว่าพระป่าซึ่งมีกิจวัตรประจำวันเน้นหนักไปในทางวิปัสสนาธุระคืออบรมจิตเจริญปัญญานุ่งห่มด้วยผ้าสีปอนหรือสีกรักมุ่งการปฏิบัติธรรมและการเผยแผ่เป็นหลักไม่เน้นงานด้านการบริหารปกครองการศึกษาพระปริยัติธรรมและสาธารณูปการหรือการก่อสร้างพัฒนาวัดและยังถูกนำมาใช้เป็นสร้อยนามสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ระดับพระราชาคณะขึ้นไปเพื่อแสดงให้รู้ว่าเป็นพระป่าอีกด้วยค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อรัญวาสี อรัญวาสี

     อริยบุคคลผู้หักกำล้อสังสารวัฏได้แล้วแบ่งได้หลายประเภทคือแบ่งอย่างใหญ่ได้เป็นพระเสขะและพระอเสขะแบ่งตามประเภทบุคคลมี๔ประเภทคือพระโสดาบันพระสกิทาคามีพระอนาคามีและพระอรหันต์และยังแบ่งย่อยเป็น๘ประเภทจัดเป็น๔คู่ได้อีกค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อริยบุคคล อริยบุคคล อริยบุคคล อริยบุคคล ผู้หักกำล้อสังสารวัฏได้

     อริยบุคคลแปลว่าบุคคลผู้ประเสริฐผู้ไกลจากข้าศึกค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อริยบุคคล อริยบุคคล

     อวิชชาหมายถึงความไม่รู้แจ้งคือความไม่รู้ความเป็นจริงของสิ่งต่างๆโดยถูกต้องแจ่มแจ้งมิได้หมายถึงความไม่รู้ศิลปะวิชาการต่างๆหรือไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นต้นแต่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่จะนำคำว่าอวิชชาไปใช้เฉพาะกับวิชาในทางไสยศาสตร์เท่านั้นโดยเข้าใจกันว่าอวิชชาเป็นวิชาที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือหาประโยชน์เข้ามาใส่ตนเองโดยไม่สนใจผู้อื่นค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อวิชชา อวิชชา

     อวิชชาหมายถึงความไม่รู้ในอริยสัจคือไม่รู้ในทุกข์ได้แก่ไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่เป็นตัวทุกข์เช่นไม่รู้ความเกิดความแก่ความตายความผิดหวังเป็นตัวทุกข์ไม่รู้ในเหตุเกิดทุกข์ได้แก่ไม่รู้ว่าทุกข์นั้นเกิดมาจากตัณหาในจิตของตนเองมิใช่เกิดจากผีสางเทวดามิใช่เกิดจากการบันดาลไม่รู้ในความดับทุกข์ได้แก่ความไม่รู้ว่าทุกข์นั้นเมื่อเกิดแล้วสามารถดับได้โดยการกำจัดตัณหาให้หมดไปไม่รู้ในข้อปฏิบัติสำหรับดับทุกข์ได้แก่ไม่รู้ว่าทุกข์นั้นจะดับสนิทได้ด้วยมรรค๘มีสัมมาทิฐิเป็นต้นมิใช่ดับได้ด้วยการวิงวอนขอร้องให้คนอื่นช่วยความไม่รู้สึกตัวทั่วพร้อมโดยสมบูรณ์ในความเป็นจริงของสิ่งต่างๆในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับมันกล่าวคือไม่รู้กายในกายไม่รู้เวทนาในเวทนาไม่รู้จิตในจิตและไม่รู้ธรรมในธรรมก็คือไม่มีสติปัฏฐาน๔ที่บริบูรณ์นั้นเองคืออวิชชาค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อวิชชา อวิชชา

     อสาธารณอนันตริยกรรมคือเป็นอนันตริยกรรมที่ไม่ทั่วไปหมายความว่าภิกษุคือบรรพชิตเท่านั้นจึงจักกระทำสังฆเภทอนันตริยกรรมนี้ได้ค่ะ อนันตริยกรรม อสาธารณอนันตริยกรรม อสาธารณอนันตริยกรรม อสาธารณอนันตริยกรรม ภิกษุคือบรรพชิตเท่านั้น

     อสุภอ่านว่าอะสุบหรือจะอะสุบพะก็ได้นะคะเขียนก็เขียนอสุภะได้อีกเหมือนกันค่ะแปลว่าไม่งามไม่สวยไม่ดีค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อสุภ อสุภ อสุภ อสุภ ไม่งาม

     อสุภกรรมฐานหมายถึงการบำเพ็ญกรรมฐานโดยการพิจารณาอสุภะหรือพิจารณาร่างกายของตนหรือของผู้อื่นว่าเป็นของไม่งามไม่น่ายึดมั่นถือมั่นแต่เป็นของน่าเกลียดโสโครกเช่นพิจารณาซากศพที่นอนให้เขารดน้ำก่อนใส่โลงก่อนเผาหรือฝังมองดูจนกระทั่งเกิดนิมิตติดตาแล้วกลับมานั่งนึกพิจารณาให้เห็นนิมิตนั้นจนเจนใจเหมือนเห็นศพจริงภาวนาไปจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งถึงไตรลักษณ์อสุภกรรมฐานเป็นเครื่องกำจัดราคะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายคลายรักยึดถือร่างกายคลายความหลงรูปหลงสวยหลงงามลงได้ค่ะและนิยมใช้คู่กับคำอื่นๆที่เกี่ยวข้องกันเช่นอสุภกถาอสุภกรรมฐานอสุภนิมิตอสุภาวนาอสุภสัญญาเป็นต้นค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อสุภกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน ทำให้เบื่อหน่ายคลายรักยึดถือร่างกาย

     อสุภกรรมฐานแปลว่ากรรมฐานที่กำหนดอสุภะเป็นอารมณ์กรรมฐานที่พิจารณาให้เห็นว่าเป็นของไม่งามค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อสุภกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน กรรมฐานที่กำหนดอสุภเป็นอารมณ์

     อสุรกายถ้ายกตัวอย่างแบบใกล้ตัวคนไทยก็ผีต่างต่างอย่างผีกระสือผีกระหังผีปอบผีตานีผีพรายผีบรรพบุรุษหรือพวกสัมภเวสีทั้งหลายเนี่ยแหละค่ะอสุรกายแบ่งเป็น๒จำพวกนะคะคือพวกที่มีกรรมหนักร่างกายจะทรุดโทรมหน้าตาซีดเซียวน่าเกลียดน่ากลัวเที่ยวหากินของสกปรกเช่นซากศพคนและสัตว์หรือเศษอาหารที่เขาทิ้งตามขยะหรือที่เขาจัดใส่กระทางทิ้งไว้ตามสี่แยกพวกนี้จะคอยหลบหน้าผู้คนอยู่เสมอค่ะพวกที่๒นี่พวกที่มีกรรมเบาบางกำลังจะพ้นจากความเป็นอสุรกายรูปร่างกายจะอ้วนท้วนสมบูรณ์แต่ผิวกายจะเป็นสีดำมีฤทธิ์สามารถบันดาลให้สมหวังในบางสิ่งบางอย่างได้มักชอบรับสินบนชาวบ้านอยู่ประจำตามศาลต่างต่างใครบูชาดีเลี้ยงดีก็บันดาลให้สมหวังใครลบหลู่ไม่ให้ความเคารพก็มักจะทำร้ายทำอันตรายให้ค่ะอย่างที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกล่าวไว้ในหนังสือไตรภูมิว่า อสุรกายประเภทนี้มักจะปลอมตัวเป็นเจ้าเข้าทรงคนนั้นคนนี้ทำท่าเป็นเทพองค์นั้นองค์นี้เพื่อรับสินบานจากชาวบ้าน ที่มาเครดิตหนังเสือสวดมนต์พ้นนรกส่งเสริมคุณธรรมพัฒนาชีวิตนึกถึงธรรมะคิดถึงพุทธะดอทคอมพุทธะ? อสุรกาย อสุรกาย อสุรกาย ผีต่างต่าง

     อหิริกะเป็นธรรมชาติที่ไม่ละอายในการทำผิดทางกายวาจาใจ โมหะ อหิริกะ

     อังสะคือผ้าที่ภิกษุสามเณรสวมเฉวียงบ่าเรียกว่าผ้าอังสะมีลักษณะเหมือนสไบเฉียงของผู้หญิงคือมีบ่าด้านเดียวเย็บติดกันด้านหนึ่งอีกด้านหนึ่งติดกระดุมบ้างติดสายสำหรับผูกให้กระชับในเวลาสวมบ้างติดกระเป๋าไว้ด้านหน้าบ้างด้านที่เย็บติดกันบ้างเวลาใช้สวมปืดบ่าซ้ายเปิดบ่าขวามีคติเหมือนเสื้อกล้ามหรือเสื้อชั้นในใช้สวมใส่ขณะอยู่ตามลำพังหรือทำงานเพื่อไม่ให้ดูเปลือยกายท่อนบนสมัยพุทธกาลไม่ปรากฏว่ามีการใช้ผ้าอังสะแม้ในประเทศไทยพระสงฆ์สมัยเก่าก็ไม่นิยมสวมอังสะคงถือคติแบบชายไทยสมัยโบราณที่ไม่นิยมสวมเสื้อเวลาอยู่ตามลำพังอังสะมิใช่บริขารของภิกษุสามเณรแต่เดิมเป็นของภิกษุณีสามเณรีและสิกขมานาเนื่องจากเป็นสตรีจึงต้องมีเสื้อหรืออังสะใส่เพื่อปกปิดถันเอาไว้และยังมีผ้าพันถันรวมถึงผ้านิสีทนะผ้า๓ชายที่มักอธิบายกันว่าเป็นผ้าปูนั่งหรือสันถัตนุ่งเช่นเดียวกับผ้าเตี่ยวเหมือนกางเกงในเมื่อมีประจำเดือนจะใช้ห่อผ้าซับเลือดอย่างผ้าอนามัยสมัยนี้ค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อังสะ อังสะ

     อัตตกิลมถานุโยคคือการประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตนเช่นบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นความลำบากไม่ใช่ของพระอริยะไม่ประกอบด้วยประโยชน์อัตตกิลมถานุโยค

     อัตตัญญุตาเป็นผู้รู้จักตนคือรู้ว่าเรานั้นว่าโดยฐานะภาวะเพศกำลังความรู้ความสามารถความถนัดและคุณธรรมเป็นต้นบัดนี้เท่าไรอย่างไรแล้วประพฤติให้เหมาะสมและรู้ที่จะแก้ไขปรับปรุงต่อไป"ก็ภิกษุเป็นอัตตัญญูอย่างไรภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมรู้จักตนว่าเราเป็นผู้มีศรัทธาศีลสุตะจาคะปัญญาปฏิภาณ" ธัมมัญญูสูตรพระไตรปิฎกเล่มที่๒๓ สัปปุริสธรรม อัตตัญญู

     อัตถัญญุตาความรู้จักอรรถรู้ความมุ่งหมายหรือเป็นผู้รู้จักผลคือรู้ความหมายรู้ความมุ่งหมายรู้ประโยชน์ที่ประสงค์รู้จักผลที่จะเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการกระทำหรือความเป็นไปตามหลักเช่นรู้ว่าหลักธรรมหรือภาษิตข้อนั้นๆมีความหมายว่าอย่างไรหลักนั้นๆมีความมุ่งหมายอย่างไรกำหนดไว้หรือพึงปฏิบัติเพื่อประสงค์ประโยชน์อะไรการที่ตนกระทำอยู่มีความมุ่งหมายอย่างไรเมื่อทำไปแล้วจะบังเกิดผลอะไรบ้างดังนี้เป็นต้น"ก็ภิกษุเป็นอัตถัญญูอย่างไรภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมรู้จักเนื้อความแห่งภาษิตนั้นๆว่านี้เป็นเนื้อความแห่งภาษิตนี้ๆ" ธัมมัญญูสูตรพระไตรปิฎกเล่มที่๒๓ สัปปุริสธรรม อัตถัญญู

     อัตภาพอ่านว่าอัดตะภาบแปลว่าความเป็นตนเองภาวะแห่งตนค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อัตภาพ อัตภาพ

     อัตภาพใช้หมายถึงตัวตนร่างกายชีวิตรูปลักษณะเป็นคำบ่งบอกถึงอวัยวะต่างๆในร่างกายของคนตลอดถึงบุคลิกภาพและความเป็นอยู่แห่งชีวิตโดยภาพรวมมีความหมายเดียวกับคำว่าอัตตาซึ่งแปลว่าตัวตนเหมือนกันค่ะอัตภาพได้มีการนำมาใช้ในสำนวนไทยเช่น"เขามีรายได้สมควรแก่อัตภาพ"หมายความว่ามีรายได้พอเลี้ยงตัว"ทำอะไรก็ตามต้องดูอัตภาพตัวเองว่าพอจะทำไหวไหม"หมายความว่าดูร่างการตัวเองด้วย พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อัตภาพ อัตภาพ

     อันตรายิกธรรมหมายถึงสาเหตุที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการทำความดีต่อการบรรลุธรรมมี๕อย่างคือกรรมกิเลสวิบากอุปวาทะและอาณาวีติกกมะเช่นการฆ่าบิดาเป็นต้นซึ่งเป็นอนันตริยกรรมเป็นสาเหตุขัดขวางให้ผู้ทำบรรลุนิพพานไม่ได้มิจฉาทิฐิซึ่งเป็นกิเลสเป็นเหตุขัดขวางมิให้เข้าถึงคุณความดีใดๆกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานหรือผู้พิการบางประเภทเป็นต้นซึ่งเป็นวิบากกรรมเป็นเหตุขัดขวางให้อุปสมบทไม่ได้การใส่ร้ายพระอริยะเป็นสาเหตุขัดขวางให้บรรลุธรรมขั้นสูงไม่ได้และการต้องอาบัติเป็นเหตุขัดขวางมิให้เข้าหมู่คณะได้ตามปกติเป็นต้นค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อันตรายิกธรรม อันตรายิกธรรม อันตรายิกธรรม บรรลุธรรม อันตรายิกธรรม

     อันตรายิกธรรมอ่านว่าอันตะรายิกะทำแปลว่าธรรมที่เข้ามาในระหว่างธรรมอันกระทำอันตรายคือสิ่งที่สอดแทรกเข้ามาขัดขวางกลางคันน่ะค่ะ พระธรรมกิตติวงศ์(ทองดีสุรเตโช)ปธ๙ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด,วัดราชโอรสารามกรุงเทพฯพศ๒๕๔๘อันตรายิกธรรม อันตรายิกธรรม อันตรายิกธรรม อันตรายิกธรรม

     อัปปณิหิตวิโมกข์ความพ้นที่เกิดจากปัญญาพิจารณาเห็นไตรลักษณ์ทุกขัง

     อาชีวปาริสุทธิศีลหมายถึงศีลคือความบริสุทธิ์แห่งอาชีวะเลี้ยงชีพในทางที่ชอบธรรมอาชีวปาริสุทธิศีล



๒๓ ความรู้ก่อนหน้า |๒๓ ความรู้ต่อไป

| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | ก ถึง ฮ