ก | ข | ค | ง | จ | ฉ | ช | ซ | ฌ | ญ | ฐ | ฑ | ฒ | ณ | ด | ต | ถ | ท | ธ | น | บ | ป | ผ | ฝ | พ | ฟ | ภ | ม | ย | ร | ล | ว | ศ | ษ | ส | ห | ฬ | อ | ฮ | ก ถึง ฮ
พรหมภูมิอาจแบ่งออกเป็นพวกได้แก่รูปพรหมและอรูปพรหมพรหมภูมิพรหมภูมิพรหมภูมิพรหมภูมิพรหมภูมิดินแดนของพระพรหม
รูปพรหมสามชั้นแรกรวมเรียกว่าปฐมฌานภูมิด้วยพระพรหมในชั้นนี้บรรลุด้วยปฐมฌานทั้งสามชั้นนี้ความจริงตั้งอยู่ณพื้นที่ระดับเดียวกันแต่แยกสถานที่เป็น๓เขตชั้นที่๔ถึงชั้นที่๖รวมเรียกว่าทุติยฌานภูมิด้วยเหล่าพระพรหมในชั้นนี้บรรลุด้วยทุติยฌานทั้งสามชั้นนี้ความจริงตั้งอยู่ณพื้นที่ระดับเดียวกันแต่แยกสถานที่เป็น๓เขตชั้นที่๗ถึงชั้นที่๙รวมเรียกว่าตติยฌานภูมิด้วยเหล่าพระพรหมในชั้นนี้บรรลุด้วยตติยฌานทั้งสามชั้นนี้ความจริงตั้งอยู่ณพื้นที่ระดับเดียวกันแต่แยกสถานที่เป็น๓เขตตั้งแต่ชั้นที่๑๐ขึ้นไปรวมเรียกว่าจตุตถฌานภูมิด้วยเหล่าพระพรหมในชั้นนี้บรรลุด้วยจตุตถฌานชั้นที่๑๐ถึง๑๑ตั้งอยู่ณพื้นที่ระดับเดียวกันแต่แยกสถานที่กันอยู่และมีระยะห่างไกลกันมากหากแต่เฉพาะเหล่าพระพรหมในชั้นที่๑๒ถึง๑๖เรียกว่าปัญจสุทธาวาสหรือสุทธาวาสภูมิอันเป็นชั้นที่เหล่าพระพรหมในชั้นนี้ต้องเป็นพระพรหมอริยบุคคลในพุทธศาสนาระดับอนาคามีอริยบุคคลเท่านั้นต่างจาก๑๑ชั้นแรกแม้พระพรหมทั้งหลายจะได้สำเร็จฌานวิเศษเพียงใดก็อุบัติในสุทธาวาสภูมิไม่ได้อย่างเด็ดขาดสุทธาวาสภูมินี้มีอยู่๕ชั้นตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศและตั้งอยู่เป็นชั้นๆขึ้นไปตามลำดับภูมิไม่ตั้งในระดับเดียวกันเช่นชั้นแรกๆที่ผ่านมาพรหมภูมิ
รูปพรหมหรือรูปาวจรภูมิคือชั้นที่พระพรหมผู้วิเศษมีรูปหากแต่เป็นรูปทิพย์มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้จักเห็นได้ก็โดยทิพยวิสัยเท่านั้นประกอบด้วยวิมาน๑๖ชั้นพรหมภูมิพรหมภูมิรูปพรหมพรหมภูมิพรหมผู้วิเศษมีรูป
สี่ชั้นสุดท้ายของรูปพรหมเป็นที่เกิดของพระอนาคามีค่ะพรหมภูมิรูปพรหมรูปพรหมรูปพรหมพระอนาคามี
อรูปพรหมหรืออรูปาวจรภูมิสมัยที่โลกยังว่างจากพระพุทธศาสนาบรรดาโยคีฤๅษีชีไพรดาบสที่บำเพ็ญตบะเดชะภาวนารำพึงว่าอันว่าตัวตนกล่าวคืออัตภาพร่างกายนี้ไม่ดีเป็นนักหนากอปรไปด้วยทุกข์โทษหาประมาณมิได้ควรที่ตูจะปรารถนากระทำตัวให้หายไปเสียเถิดแล้วก็เกิดความพอใจเป็นนักหนาในภาวะที่ไม่มีตัวตนไม่มีรูปกายปรารถนาอยู่แต่ในความไม่มีรูปพรหมภูมิอรูปพรหมอรูปพรหมอรูปพรหมพอใจภาวะไม่มีตัวตน
อรูปภูมิมี๔ชั้นคืออากาสานัญจายตนภูมิวิญญาณัญจายตนภูมิอากิญจัญญายตนภูมิและเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิพรหมในชั้นนี้ไม่มีรูปร่างมีแต่จิตเจตสิกเพราะเห็นว่าหากมีร่างกายอยู่นั้นจะมีแต่โทษอาจจะไปทำร้ายซึ่งกันและกันได้จึงบริกรรมด้วยความว่างเปล่ายึดเอาอากาศซึ่งเป็นความว่างเปล่าเป็นอารมณ์จนได้ฌานที่มีอากาศเป็นอารมณ์เรียกว่าอากาสานัญจายตนภูมิซึ่งมีอายุอยู่ได้สองหมื่นกัปป์จากนั้นก็อาจภาวนาเพื่อจะได้ไปอยู่ในพรหมโลกขั้นสูงต่อไปอีกได้อายุของพรหมเหล่านี้จะยืนอยู่ได้สี่หมื่นหกหมื่นและแปดหมื่นสี่พันกัปป์ตามลำดับพรหมภูมิอรูปพรหมอรูปพรหมอรูปพรหมมี๔ชั้น
ชอบเที่ยวดูการละเล่นมีโทษโดยการงานเสื่อมเสียเพราะใจกังวลคอยคิดจ้องกับเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้นๆทั้ง๖กรณีคือ๑รำที่ไหนไปที่นั่น๒ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น๓ดนตรีที่ไหนไปที่นั่น๔เสภาที่ไหนไปที่นั่น๕เพลงที่ไหนไปที่นั่น๖เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่นอบายมุข
เสียเวลาไปเปล่าๆเปลี้ยๆไม๊คะแถมจิตไม่แข็งพอจิตก็เตลิดเปิดเปิงไปตามหนังตามละครอีกต่างหากค่ะ
อบายมุข๖
ชมการแสดง
ชมการแสดง
เสียเวลา
คบคนชั่วมีโทษโดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง๖ประเภทคือ๑นำให้เป็นนักเลงการพนัน๒นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้๓นำให้เป็นนักเลงเหล้า๔นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม๕นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า๖นำให้เป็นคนหัวไม้อบายมุข
อบายมุข๖
คบคนชั่ว
คบคนชั่ว
เป็นคนชั่ว
คบคนชั่วเป็นมิตรเพราะคนชั่วย่อมชักนำไปในทางที่ชั่วเช่นชักชวนเป็นนักเลงประเภทต่างๆคือนักเลงหญิงนักเลงสุรานักเลงพนันนักเลงหัวไม้เหล่านี้แต่ละอย่างล้วนเป็นปากทางแห่งความเสื่อมทั้งสิ้นสุภาษิตโบราณท่านว่าคบคนดีเป็นศรีแก่ตัวคบคนชั่วอัปราชัยอบายมุขอบายมุขอบายมุขปากทางแห่งความเสื่อม
ชอบเที่ยวกลางคืนมีโทษ๖อย่างคือ๑ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครองไม่รักษาตัว๒ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครองไม่รักษาบุตรภรรยา๓ผู้นั้นชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ๔ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น๕คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆย่อมปรากฏในผู้นั้น๖อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อมอบายมุข
อบายมุข๖
เที่ยว
เที่ยวกลางคืน
ทุกข์ล้อม
ติดการพนันมีโทษ๖อย่างคือ๑ผู้ชนะย่อมก่อเวร๒ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป๓ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน๔ถ้อยคำของคนเล่นการพนันซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น๕ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท๖ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วยเพราะเห็นว่าชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยาได้อบายมุข
อบายมุข๖
การพนัน
การพนัน
ก่อเวร
ติดสุราและของมึนเมามีโทษ๖อย่างคือ๑ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง๒ก่อการทะเลาะวิวาท๓เป็นบ่อเกิดแห่งโรค๔เป็นเหตุเสียชื่อเสียง๕เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย๖ทอนกำลังปัญญาอบายมุข
อบายมุข๖
เหล้า
เหล้า
เสื่อมเสีย
นักเลงการพนันการพนันมีหลายประเภทและสามารถพนันกันได้ทุกอย่างสำหรับผู้ชอบการพนันเช่นโปถั่วไพ่ชนไก่กัดปลาม้ามวยเป็นต้นสิ่งเหล่านี้ทำให้เสียเวลาในการทำมาหากินโดยสุจริตเบียดเบียนตนและผู้อื่นสร้างนิสัยให้เป็นคนมักได้ไม่ปรารถนาลงทุนลงแรงทำงานให้เป็นล่ำเป็นสันอันเป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคมอบายมุขอบายมุขอบายมุขเบียดเบียนตนและผู้อื่น
อบายมุขอ่านว่าอะบายยะมุกแปลว่าทางแห่งความฉิบหายทางแห่งความเสื่อมสาเหตุให้ถึงความเสื่อมค่ะมาจากคำว่าอบายที่แปลว่าเสื่อมไม่เจริญบวกกับคำว่ามุขที่แปลว่าทางหรือปากทางน่ะค่ะอบายมุขอบายมุขอบายมุขอบายมุขปากทาง
อบายมุข๔ได้แก่เป็นนักเลงหญิงเป็นนักเลงสุราเป็นนักเลงการพนันและคบคนชั่วเป็นมิตรค่ะอบายมุขอบายมุขอบายมุข๔อบายมุขหญิงเหล้าการพนันคบคนชั่ว
อบายมุข๖ช่องทางของความเสื่อมทางแห่งความพินาศเหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ได้แก่ดื่มน้ำเมาเที่ยวกลางคืนเที่ยวดูการเล่นเล่นการพนันคบคนชั่วเป็นมิตรและเกียจคร้านการทำงานค่ะอบายมุขอบายมุข๖อบายมุขเล่นเกียจคร้านการทำงาน
อบายมุขหากประพฤติเข้าแล้วก็เป็นเหตุให้เกิดความฉิบหายให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ชีวิตร่างกายได้ค่ะอบายมุขอบายมุขอบายมุขอบายมุขอบายมุขเกิดความเสื่อม
เกียจคร้านการงานมีโทษโดยทำให้ยกเหตุต่างๆเป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงานโภคะใหม่ก็ไม่เกิดโภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไปคือให้อ้างไปทั้ง๖กรณีคือ๑หนาวนักแล้วไม่ทำการงาน๒ร้อนนักแล้วไม่ทำการงาน๓เย็นไปแล้วไม่ทำการงาน๔ยังเช้านักแล้วไม่ทำการงาน๕หิวนักแล้วไม่ทำการงาน๖อิ่มนักแล้วไม่ทำการงานอบายมุข
อบายมุข๖
ขี้เกียจ
ขี้เกียจทำงาน
หมดตัว
เป็นนักเลงสุราสิ่งของมึนเมาหรือสิ่งเสพย์ติดต่างๆเช่นฝิ่นเฮโรอีนกัญชาบุหรี่เหล้าเบียร์ยาบ้ายาน้ำแข็งยาอียาเคแอลเอสดีสิ่งเสพย์ติดเหล่านี้จะทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตยังจะเป็นบ่อเกิดแห่งโรคต่างๆอีกมากมายอะค่ะอบายมุขอบายมุขอบายมุขบ่อเกิดแห่งโรค
โดยพิสดารมี๖โดยย่อมี๔เรียกอบายมุข๖และอบายมุข๔ตามลำดับค่ะอบายมุขอบายมุขอบายมุขอบายมุข๖อบายมุข๔
ก็เพราะเป็นลำดับการเทศน์สอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางแผนไว้สำหรับการแสดงธรรมและอบรมนิสัยแก่คฤหัสถ์ซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังเป็นปุถุชนมีกิเลสหนาปัญญาหยาบอยู่โดยใช้หลักของการปรับทิฏฐิและการฝึกปฏิบัติเป็นขั้นๆจากง่ายไปสู่ยากค่ะเป็นวิธีการขัดเกลากายวาจาใจให้บริสุทธิ์ละเอียดประณีตและลุ่มลึกในธรรมยิ่งๆขึ้นไปตามลำดับจะกระทั่งใจสะอาดบริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยปัญญาเพียงพอที่จะรับฟังและปฏิบัติตามอริยสัจ๔ซึ่งเป็นหลักธรรมสำหรับการทำพระนิพพานให้แจ้งให้เข้าใจแทงตลอดโดยง่ายค่ะ
ชมรมพุทธเบญจจินดา
อนุปุพพิกถา
อนุปุพพิกถา
อนุปุพพิกถา
กิเลสหนาปัญญาหยาบอยู่
มี๕ลำดับดังนี้ค่ะทานศีลสวรรค์โทษของกามและสุดท้ายข้อดีของการออกจากกามค่ะ
ชมรมพุทธเบญจจินดา
อนุปุพพิกถา
อนุปุพพิกถา
อนุปุพพิกถา
มี๕ลำดับ
หมายถึงการเทศนาที่แสดงไปโดยลำดับเพื่อฟอกจิตใจให้สะอาดขึ้นเป็นขั้นๆจากง่ายไปหายากเพื่อเตรียมผู้ฟังให้พร้อมที่จะรับฟังอริยสัจจ์ต่อไปค่ะ
ชมรมพุทธเบญจจินดา
อนุปุพพิกถา
อนุปุพพิกถา
อนุปุพพิกถา
จากง่ายไปสู่ยาก
๒๓ ความรู้ก่อนหน้า |๒๓ ความรู้ต่อไป
ก | ข | ค | ง | จ | ฉ | ช | ซ | ฌ | ญ | ฐ | ฑ | ฒ | ณ | ด | ต | ถ | ท | ธ | น | บ | ป | ผ | ฝ | พ | ฟ | ภ | ม | ย | ร | ล | ว | ศ | ษ | ส | ห | ฬ | อ | ฮ | ก ถึง ฮ