| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | ก ถึง ฮ

     พิธีการบวชแบบมหานิกายอุกาสะ คำท่องขานนาคแบบอุกาสะ ๑คำวันทาสีมาและคำวันทาพระประธาน อุกาสะวันทามิภันเต,สัพพังอะปะราธังขะมะถะเมภันเต,มะยากะตังปุญญังสามินาอะนุโมทิตัพพัง,สามินากะตังปุญญังมัยหังทาตัพพัง,สาธุสาธุอะนุโมทามินั่งคุกเข่าประนมมือกล่าวว่าสัพพังอะปะราธังขะมะถะเมภันเตกราบ๑ครั้งประนมมือกล่าวว่าอุกาสะทะวารัตตะเยนะกะตัง,สัพพังอะปะราธังขะมะถะเมภันเตกราบ๑ครั้งยืนขึ้นประนมมือกล่าวว่าวันทามิภันเต,สัพพังอะปะราธังขะมะถะเมภันเต,มะยากะตังปุญญังสามินาอะนุโมทิตัพพัง,สามินากะตังปุญญังมัยหังทาตัพพัง,สาธุสาธุอะนุโมทามินั่งคุกเข่าประนมมือกราบ๓ครั้ง ๒คำขอบรรพชา อุกาสะวันทามิภันเต,สัพพังอะปะราธังขะมะถะเมภันเต,มะยากะตังปุญญังสามินาอะนุโมทิตัพพัง,สามินากะตังปุญญังมัยหังทาตัพพัง,สาธุสาธุอนุโมทามิ,อุกาสะการุญญังกัตวา,ปัพพัชชังเทถะเมภันเตนั่งคุกเข่าประนมมือกล่าวว่าอะหังภันเต,ปัพพัชชังยาจามิทุติยัมปิอะหังภันเต,ปัพพัชชังยาจามิตะติยัมปิอะหังภันเต,ปัพพัชชังยาจามิ สัพพะทุกขะนิสสะระณะ,นิพพานะสัจฉิกะระณัตถายะ,อิมังกาสาวังคะเหตวา,ปัพพาเชถะมังภันเต,อะนุกัมปังอุปาทายะกล่าว๓จบ สัพพะทุกขะนิสสะระณะ,นิพพานะสัจฉิกะระณัตถายะ,เอตังกาสาวังทัตวา,ปัพพาเชถะมังภันเต,อะนุกัมปังอุปาทายะกล่าว๓จบ ๓มูลกัมมัฏฐาน เกสาโลมานะขาทันตาตะโจอนุโลมตะโจทันตานะขาโลมาเกสาปฏิโลม ๔คำขอสรณคมน์และศีล อะหังภันเต,สะระณะสีลังยาจามิทุติยัมปิอะหังภันเต,สะระณะสีลังยาจามิตะติยัมปิอะหังภันเต,สะระณะสีลังยาจามิพระอาจารย์กล่าวคำนมัสการพระรัตนตรัยให้นาคกล่าวตามนะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะกล่าว๓จบ พระอาจารย์กล่าวว่ายะมะหังวะทามิตังวะเทหิให้นาครับว่าอามะภันเต จากนั้นพระอาจารย์จะให้สรณคมน์และศีลให้นาคกล่าวตามดังนี้พุทธังสะระณังคัจฉามิ,ธัมมังสะระณังคัจฉามิ,สังฆังสะระณังคัจฉามิ,ทุติยัมปิพุทธังสะระณังคัจฉามิ,ทุติยัมปิธัมมังสะระณังคัจฉามิ,ทุติยัมปิสังฆังสะระณังคัจฉามิ,ตะติยัมปิพุทธังสะระณังคัจฉามิ,ตะติยัมปิธัมมังสะระณังคัจฉามิ,ตะติยัมปิสังฆังสะระณังคัจฉามิพระอาจารย์กล่าวว่าติสะระณะคะมะนังนิฏฐิตังให้นำครับว่าอามะภันเต พระอาจารย์จะกล่าวนำศีล๑๐ให้กล่าวตามทีละบท ๑ปาณาติปาตาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๒อะทินนาทานาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๓อะพรัหมะจะริยาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๔มุสาวาทาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๕สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๖วิกาละโภชะนาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๗นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๘มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๙อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ๑๐ชาตะรูปะระชะตะปะฏิคคะหะณาเวระมะณี,สิกขาปะทังสะมาทิยามิ อิมานิทะสะสิกขาปะทานิสะมาทิยามิกล่าว๓จบแล้วกราบ๓ครั้ง ๕คำขอนิสัย อะหังภันเต,นิสสะยังยาจามิทุติยัมปิอะหังภันเต,นิสสะยังยาจามิตะติยัมปิอะหังภันเต,นิสสะยังยาจามิ อุปัชฌาโยเมภันเตโหหิกล่าว๓จบ พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า|สามเณรกล่าวรับว่า ปะฏิรูปัง|สาธุภันเต โอปายิกัง|สาธุภันเต ปาสาทิเกนะ|สาธุภันเต เมื่อกล่าวรับจบให้สามเณรกล่าวต่อไปว่า อัชชะตัคเคทานิเถโร,มัยหังภาโร,อะหัมปิเถรัสสะภาโรกล่าว๓จบแล้วกราบ๓ครั้ง ๖คำบอกบริขาร พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า|สามเณรกล่าวรับว่า อะยันเตปัตโต|อามะภันเต อะยังสังฆาฏิ|อามะภันเต อะยังอุตตะราสังโฆ|อามะภันเต อะยังอันตะระวาสะโก|อามะภันเต ๗คำถามอันตรายิกธรรม พระคู่สวดถาม|สามเณรตอบ กุฏฐัง|นัตถิภันเต คัณโฑ|นัตถิภันเต กิลาโส|นัตถิภันเต โสโส|นัตถิภันเต อะปะมาโร|นัตถิภันเต มะนุสโสสิ๊|อามะภันเต ปุริโสสิ๊|อามะภันเต ภุชสิโสสิ๊|อามะภันเต อะนะโณสิ๊|อามะภันเต นะสิ๊ราชะภะโฏ|อามะภันเต อะนุญญาโตสิ๊มาตาปิตูหิ|อามะภันเต ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊|อามะภันเต ปะริปุณณันเตปัตตะจีวะรัง|อามะภันเต กินนาโมสิ|อะหังภันเต(๑)นามะโกนามะเตอุปัชฌาโยอุปัชฌาโยเมภันเตอายัสมา(๒)นามะ(๑)บอกฉายาของตนเอง(๒)บอกฉายาของพระอุปัชฌาย์ ๘คำขออุปสมบท สังฆัมภันเต,อุปะสัมปะทังยาจามิ,อุลลุมปะตุมังภันเตสังโฆ,อะนุกัมปังอุปาทายะทุติยัมปิภันเตสังฆัง,อุปะสัมปะทังยาจามิ,อุลลุมปะตุมังภันเตสังโฆ,อะนุกัมปังอุปาทายะตะติยัมปิภันเตสังฆัง,อุปะสัมปะทังยาจามิ,อุลลุมปะตุมังภันเตสังโฆ,อะนุกัมปังอุปาทายะ ๙คำขอขมา อุกาสะ,ดังข้าพเจ้าทั้งหลายจะขอวโรกาส,กราบลาพ่อแม่ญาติพี่น้อง,ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย,เพื่อบรรพชาอุปสมบทณบัดนี้,ตลอดระยะเวลา,ที่ต่างต้องเวียนว่ายตายเกิด,ถือกำเนิดในวัฏฏสงสาร,หากข้าพเจ้าทั้งหลาย,ได้ประพฤติผิดพลาดล่วงเกิน,ต่อท่านทั้งหลาย,ในที่ต่อหน้าก็ดี,ในที่ลับหลังก็ดี,ทั้งมีเจตนาก็ดี,ทั้งไม่มีเจตนาก็ดี,ที่ระลึกได้ก็ดี,ที่ระลึกไม่ได้ก็ดี,นับตั้งแต่ร้อยชาติพันชาติ,หมื่นชาติแสนชาติก็ดี,ทั้งในปัจจุบันชาติก็ดี,ขอท่านทั้งหลาย,โปรดอโหสิกรรม,งดความผิดทั้งหลายเหล่านั้น,ให้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย,ผู้จะบรรพชาอุปสมบทในบัดนี้,เพื่อความบริสุทธิ์,เพื่อความบริบูรณ์,เพื่อความอยู่เป็นสุขในพรหมจรรย์,และเพื่อประโยชน์,แก่การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน,ของข้าพเจ้าทั้งหลาย,ในปัจจุบันชาตินี้เทอญฯ พระพุทธศาสนาคำขอบวชแบบอุกาสะ คำขอบวชพระ บวช บวช อุกาสะ

     วิธีอุปสมบทแบบเอสาหังค่ะ เริ่มต้นกุลบุตรผู้มีศรัทธามุ่งอุปสมบทรับผ้าไตรอุ้มประนมมือเข้าไปในสังฆสันนิบาตวางผ้าไตรไว้ข้างตัวด้านซ้ายรับเครื่องสักการะถวายพระอุปัชฌาย์แล้วกราบลงด้วยเบญจางคประดิษฐ์๓ครั้งแล้วนั่งคุกเข่าอุ้มผ้าไตรประนมมือเปล่งวาจาถึงสรณะและขอบรรพชาด้วยคามคธโดยหยุดตามเครื่องหมายจุลภาค,นะคะว่า เอสาหังภันเต,สุจิระปะรินิพพุตัมปิ,ตังภะคะวันตังสะระณังคัจฉามิ,ธัมมัญจะภิกขุสังฆัญจะ,ละเภยยาหังภันเต,ตัสสะภะคะวะโต,ธัมมะวินะเยปัพพัชชัง,ละเภยยังอุปะสัมปะทังฯทุติยัมปาหังภันเต,สุจิระปะรินิพพุตัมปิ,ตังภะคะวันตังสะระณังคัจฉามิ,ธัมมัญจะภิกขุสังฆัญจะ,ละเภยยาหังภันเต,ตัสสะภะคะวะโต,ธัมมะวินะเยปัพพัชชัง,ละเภยยังอุปะสัมปะทังฯตะติยัมปาหังภันเต,สุจิระปะรินิพพุตัมปิ,ตังภะคะวันตังสะระณังคัจฉามิ,ธัมมัญจะภิกขุสังฆัญจะ,ละเภยยาหังภันเต,ตัสสะภะคะวะโต,ธัมมะวินะเยปัพพัชชัง,ละเภยยังอุปะสัมปะทังฯ อะหังภันเต,ปัพพัชชังยาจามิ,อิมานิกาสายานิวัตถานิคะเหตวา,ปัพพาเชถะมังภันเต,อะนุกัมปังอุปาทายะฯทุติยัมปิอะหังภันเต,ปัพพัชชังยาจามิ,อิมานิกาสายานิวัตถานิคะเหตะวา,ปัพพาเชถะมังภันเต,อะนุกัมปังอุปาทายะฯตะติยัมปิอะหังภันเต,ปัพพัชชังยาจามิ,อิมานิกาสายานิวัตถานิคะเหตะวา,ปัพพาเชถะมังภันเต,อะนุกัมปังอุปาทายะฯ ถ้าบวชเป็นสามเณรให้ตัดคำว่าละเภยยังอุปะสัมปะทังออกทุกแห่งด้วยนะคะลำดับนั้นพระอุปัชฌาย์รับผ้าไตรจากผู้มุ่งบรรพชาวางไว้ตรงหน้าตักแล้วให้โอวาทและบอกตะจะปัญจะกะกัมมัฏฐานให้ว่าตามไปทีละบทโดยอนุโลมไปข้างหน้าและปฏิโลมทวนกลับดังนี้ค่ะ เกสาโลมานะขาทันตาตะโจอนุโลมตะโจทันตานะขาโลมาเกสาปฏิโลม ครั้นให้โอวาทแล้วพระอุปัชฌาย์ดึงอังสะออกจากผ้าไตรสวมให้ผู้บวชแล้วสั่งให้ออกไปครองผ้าไตรจีวรตามระเบียบครั้นเสร็จแล้วเข้าไปหาพระกรรมวาจาจารย์รับเครื่องสักการะถวายท่านแล้วกราบ๓ครั้งนั่งคุกเข่าประนมมือเปล่งวาจาขอสรณะและศีลดังนี้ อะหังภันเต,สะระณะสีลังยาจามิฯทุติยัมปิอะหังภันเต,สะระณะสีลังยาจามิฯตะติยัมปิอะหังภันเต,สะระณะสีลังยาจามิฯ ลำดับนั้นพระอาจารย์กล่าวคานมัสการให้ผู้มุ่งบรรพชาว่าตามไปดังนี้ นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะฯว่า๓หนนะคะ แต่นั้นท่านจะกล่าวว่าเอวังวะเทหิหรือยะมะหังวะทามิตังวะเทหิพึงรับว่าอามะภันเต ครั้นแล้วท่านจะว่านำให้เปล่งวาจาว่าสรณคมน์พึงว่าตามไปที่ละพากย์ตอนดังนี้ค่ะ พุทธังสะระณังคัจฉามิฯธัมมังสะระณังคัจฉามิฯสังฆังสะระณังคัจฉามิฯทุติยัมปิพุทธังสะระณังคัจฉามิฯทุติยัมปิธัมมังสะระณังคัจฉามิฯทุติยัมปิสังฆังสะระณังคัจฉามิฯตะติยัมปิพุทธังสะระณังคัจฉามิฯตะติยัมปิธัมมังสะระณังคัจฉามิฯตะติยัมปิสังฆังสะระณังคัจฉามิฯ เมื่อจบแล้วท่านจะกล่าวว่าติสะระณะคะมะนังนิฏฐิตังก็ให้รับว่าอามะภันเต ลำดับนั้นท่านจะบอกให้รู้ว่าการบรรพชาเป็นสามเณรสำเร็จด้วยสรณคมน์เพียงเท่านี้ผู้มุ่งอุปสมบทเป็นสามเณรเมื่อจบไตรสรณคมน์จากนั้นพึงสมาทานสิกขาบท๑๐ประการโดยว่าตามไปทีละพากย์ดังนี้ ปาณาติปาตาเวระมะณีอะทินนาทานาเวระมะณีอะพรัหมจะริยาเวระมะณีมุสาวาทาเวระมะณีสุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานาเวระมะณีวิกาละโภชะนาเวระมะณีนัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนาเวระมะณีมาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานาเวระมะณีอุจจาสะยะนะมะหาสะยะนาเวระมะณีชาตะรูปะระชะตะปฏิคคะหะณาเวระมะณี อิมานิทะสะสิกขาปะทานิสะมาทิยามิฯข้อความตอนนี้ว่า๓หนค่ะ ในลำดับนั้นสามเณรพึงรับบาตรอุ้มเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ในสังฆสันนิบาตวางไว้ข้างตัวด้านซ้ายรับเครื่องสักการะถวายท่านแล้วกราบ๓ครั้งนั่งคุกเข่าประนมมือกล่าวคาขอนิสัยว่าดังนี้ อะหังภันเตนิสสะยังยาจามิฯทุติยัมปิอะหังภันเต,นิสสะยังยาจามิฯตะติยัมปิอะหังภันเต,นิสสะยังยาจามิฯ อุปัชฌาโยเมภันเต,โหหิข้อความตอนนี้ให้ว่า๓หนพระอุปัชฌาย์กล่าวว่าโอปายิกัง,ปะฏิรูปัง,ปาสาทิเกนะสัมปาเทหิบทใดบทหนึ่งพึงรับว่าสาธุภันเตทุกบทไปแต่นั้นสามเณรพึงกล่าวรับเป็นธุระให้กันและกันว่าดังนี้ อัชชะตัคเคทานิเถโร,มัยหังภาโร,อะหัมปิเถรัสสะภาโรฯว่า๓หนเสร็จแล้วกราบลง๓ครั้ง ลำดับนั้นพระอุปัชฌาย์แนะนาสามเณรไปตามระเบียบแล้วเอาบาตรมีสายคล้องตัวผู้มุ่งอุปสมบทและบอกบริขารคือบาตรผ้าสังฆาฏิจีวรและผ้าสบงแก่ผู้มุ่งอุปสมบทให้รับว่าอามะภันเต๔หนดังนี้ค่ะ คำบอกบริขาร|คำรับ๑อะยันเตปัตโต|อามะภันเต๒อะยังสังฆาฏิ|อามะภันเต๓อะยังอุตตะราสังโค|อามะภันเต๔อะยังอันตะระวาสะโก|อามะภันเต ต่อจากนั้นพระอุปัชฌาย์จะบอกให้ออกไปข้างนอกว่าคัจฉะอะมุมหิโอกาเสติฏฐาหิผู้บวชพึงถอยออกลุกขึ้นไปยืนอยู่ในที่ที่กาหนดไว้ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณทางเข้าโบสถ์พระคู่สวดจะสวดสมมติตนเป็นผู้สอนซ้อมเรียกว่าคู่สวดคือพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์แล้วออกไปสวดถามอันตรายิกธรรมพึงรับว่านัตถิภันเต๕หนและอามะภันเต๘หนดังนี้ ถาม|ตอบ๑กุฏฐัง|นัตถิภันเต๒คัณโฑ|นัตถิภันเต๓กิลาโส|นัตถิภันเต๔โสโส|นัตถิภันเต๕อะปะมาโร|นัตถิภันเต ถาม|ตอบ๑มะนุสโสสิ|อามะภันเต๒ปุริโสสิ|อามะภันเต๓ภุชิสโสสิ|อามะภันเต๔อะนะโณสิ|อามะภันเต๕นะสิราชะภะโฏ|อามะภันเต๖อะนุญญาโตสิมาตาปิตูหิ|อามะภันเต๗ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ|อามะภันเต๘ปะริปุณณันเตปัตตะจีวะรัง|อามะภันเต ถาม|ตอบ๑กินนาโมสิ|อะหังภันเต(๑)………นามะ๒โกนามะเตอุปัชฌาโย|อุปัชฌาโยเมภันเตอายัสสะมา(๒)………นามะ ส่วนช่องที่(๑)……………เว้นไว้ซึ่งพระอุปัชฌาย์จะตั้งชื่อของอุปสัมปทาเปกขะกรอกลงในช่องให้ไว้ก่อนวันบวชและช่องที่(๒)………………ไว้ในช่องชื่อของพระอุปัชฌาย์ก็เช่นเดียวกันให้กรอกตามชื่อของพระอุปัชฌาย์ซึ่งท่านจะบอกและกรอกให้ไว้ก่อนวันบวชค่ะ ครั้นสวดสอนซ้อมแล้วพระคู่สวดจะกลับเข้ามาสวดขอเรียกอุปสัมปทาเปกขะเข้ามาอุปสัมปทาเปกขะพึงเข้ามาในสังฆสันนิบาตกราบลงตรงหน้าพระอุปัชฌาย์๓ครั้งแล้วนั่งคุกเข่าประนมมือเปล่งวาจาขออุปสมบทดังนี้ สังฆัมภันเต,อุปะสัมปะทังยาจามิ,อุลลุมปะตุมังภันเต,สังโฆอะนุกัมปังอุปาทายะฯทุติยัมปิภันเต,สังฆังอุปะสัมปะทังยาจามิ,อุลลุมปะตุมังภันเต,สังโฆอะนุกัมปังอุปาทายะฯตะติยัมปิภันเต,สังฆังอุปะสัมปะทังยาจามิ,อุลลุมปะตุมังภันเต,สังโฆอะนุกัมปังอุปาทายะฯถ้าบวชพร้อมกันหลายคนให้เปลี่ยนคาว่ายาจามิเป็นยาจามะและเปลี่ยนมังเป็นโน ในลำดับนั้นพระอุปัชฌาย์กล่าวเผดียงสงฆ์แล้วพระอาจารย์คู่สวดสวดสมมติตนถามอันตรายิกธรรมอุปสัมปทาเปกขะพึงรับว่านัตถิภันเต๕หนอามะภันเต๘หนบอกชื่อตนและชื่อพระอุปัชฌาย์รวม๒หนแต่นั้นพึงนั่งฟังท่านสวดกรรมวาจาอุปสมบทไปจนจบครั้นจบแล้วท่านเอาบาตรออกจากตัวแล้วพึงกราบลง๓ครั้งนั่งพับเพียบประนมมือฟังพระอุปัชฌาย์บอกอนุศาสน์ไปจนจบแล้วรับว่าอามะภันเตแล้วกราบ๓ครั้งถวายไทยธรรมกรวดน้ำ พระพุทธศาสนาคำขอบวชแบบอุกาสะ คำขอบวชพระ บวช บวช เอสาหัง

     ส่งจดหมายไฟฟ้าให้ก็ได้นะคะ ส่งจดหมายไฟฟ้าให้

     หลวงปู่ดู่ได้แนะเคล็ดในการบวชจิตไว้อีกด้วยค่ะว่า ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้นคำกล่าวว่า พุทธังสรณังคัจฉามิให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัชฌาย์ของเรา ธัมมังสรณังคัจฉามิให้นึกว่าเรามีพระธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์ สังฆังสรณังคัจฉามิให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ แล้วอย่าสนใจขันธ์๕หรือร่างกายเรานี้ให้สำรวมจิตให้ดีมีความยินดีในการบวชชายก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุหญิงก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุณีอย่างนี้จะมีอานิสงส์สูงมากจัดเป็นเนกขัมมบารมีขั้นอุกฤษฏ์ทีเดียว ที่มาธรรมโอวาทหลวงตาม้าวัดถ้ำเมืองนะ การบวช บวช ในใจจบ

     เพราะชีวิตพระเป็นการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องที่สุดไม่มีการเบียดเบียนผู้อื่นวันคืนแต่ละคืนวันเป็นไปเพื่อการปฏิบัติธรรมกำจัดกิเลสจนสุดท้ายหมดสิ้นกิเลสก็เข้าสู่นิพพานค่ะ การบวช บวช เข้าสู่นิพพาน

     เมื่อเห็นว่าการเกิดเป็นทุกข์ต้องการจะออกจากคุกที่เรียกว่าสังสารวัฏนี้การสละเรือนเพื่อออกบวชคือหนทางที่ต้องการค่ะ การบวช บวช ออกจากคุก

     เวลาบวชต้องกล่าวคำขอบวชกับพระอุปัชฌาย์ก็จะก็มีประโยคนึงว่านิพพานัสสะสัจฉิกิริยายะเอตังกาสาวังคะเหตะวาหมายความว่าอย่างไรทราบไหมคะ การบวช บวช การบวช นิพพานัสสะ

     เอสาหังธรรมยุตอุกาสะหมานิกายค่ะ คำขอบวชพระ บวช บวช ธรรมยุตมหานิกาย

     เอ้าแล้วทำไมยังไม่เป็นพระอีกคะเนี่ย การบวช บวช การบวช เป็นพระ

     เอ้าแหมบวชทั้งทีก็จะได้ส่งไปร่วมอนุโมทนากับพระใหม่ด้วยหน่ะสิคะ จะบวช บวช อนุโมทนาพระใหม่

     ทราบอาหารที่ห้ามทานเมื่อเป็นปวดหัวข้างเดียวมีไส้กรอกเบคอนกุนเชียงคาแฟอีนกาแฟชาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดโดยเฉพาะไวน์แดงช็อกโกแลตหรือโกโก้เนยแข็งผงชูรสน้ำตาลเทียมและกระหล่ำปลีดองค่ะส่วนอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวข้างเดียวก็มีแมกนีเซียมปกติแล้วร่างกายของคนต้องการแมกนีเซียมจากธรรมชาติ๕๐๐ถึง๖๐๐มิลลิกรัมต่อวันซึ่งแมกนีเซียมพบมากในปลาทะเลจำพวกแซลมอนซ์ดีนทูน่ารวมทั้งน้ำมันปลาเป็นส่วนช่วยให้หลอดเลือดยืดหยุ่นป้องกันอาการปวดหัวข้างเดียวได้ในเวลาที่กำลังปวดหัวข้างเดียวระบบการดูดแมกนีเซียมจะลดน้อยลงไปด้วยดังนั้นการกินอาหารที่มีแมกนีเซียมจะช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดไมเกรนได้ค่ะวิตามินบี๒และบี๖วิตามินบี๒จะช่วยสร้างเซลล์หลอดเลือดและเพิ่มพลังสำรองในเซลล์สมองส่วนวิตามินบี๖จะช่วยลดอาการปวดหัวข้างเดียวลงได้หากร่างกายได้รับวิตามินบี๖เพิ่มก่อนจะเป็นประจำเดือน๕ถึง๑๐วันจะช่วยลดอาการปวดหัวข้างเดียวช่วงมีประจำเดือนวิตามินเหล่านี้จะพบได้ในอาหารจำพวกเมล็ดธัญพืชข้าวกล้องข้าวซ้อมมือข้าวโอ๊ตเป็นต้นค่ะและ๔สมุนไพรที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวข้างเดียวได้คือดอกแคนำดอกแค๕ถึง๑๐ดอกมาต้มทานกับน้ำพริกซึ่งดอกแคก็เป็นสมุนไพรใกล้ตัวที่สามารถช่วยลดอาการปวดหัวข้างเดียวได้ค่ะกระเทียมสามารถกินสดสดหรือจะกินกับน้ำพริกก็ได้นะคะเป็นสมุนไพรที่บ้านไหนก็ต้องมีติดบ้านไว้อยู่แล้วซึ่งกระเทียมก็สามารถช่วยลดอาการได้เช่นกันค่ะใบบัวบกนำใบบัวบกหนึ่งกำมือมาล้างให้สะอาดแล้วนำไปต้มเพื่อที่จะเอาน้ำของมันมากินดื่มเช้าเย็นเป็นเวลา๑สัปดาห์ก็จะเห็นผลหรือจะกินแบบสดๆก็ได้ขิงการกินขิงนี้สามารถกินได้หลายแบบจะกินแบบเป็นเครื่องเคียงสดสดก็ได้หรือถ้าไม่ชอบทานก็สามารถซื้อแบบแคปซูลมาทานได้โดยขิงจะสามารถลดอาการปวดไมเกรนได้ถึงร้อยละ๖๐ภายใน๒ชั่วโมงหลังจากทานยาแคปซูลขิงมีข้อดีกว่ายาแผนปัจจุบันทั่วไปคือไม่มีผลข้างเคียงอีกทั้งขิงยังสามารถลดอาการอักเสบและลดอาการปวดเมื่อยในร่างกายแถมยังมีสรรพคุณแก้โรคต่างต่างได้อีกมากมายด้วยค่ะ ? ปวดหัวข้างเดียว ทานยา

     ให้เต็มที่เลยค่ะ๑๕นาทีหลังจากนั้นเค้าก็ลั้นลาเหมือนเดิมแล้ววันรุ่งขึ้นเค้าก็ลืมเรื่องไปเลยแล้วกับความรักของคุณแม่คุณพ่อของที่เลี้ยงดูคุณมาทั้งชีวิตจะเอาไปแลกกับ๑๕นาทีให้เค้าเสียใจเนี่ยนะคะ ดมเรียกสติโน้ตอุดม? ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ฆ่าตัวตาย แลกเค้าเสียใจ

      "เพราะมีความอยากจึงมีการเกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมาเมื่อไม่มีความอยากการเกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลก็ไม่มี" เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสถึงจักรวาลและมนุษย์ต่างดาว คน คน การเกิด ความอยาก

      อยากออกไปเที่ยวแล้วใช่ม้า~ แล้วอยากไปที่ไหนเหรอคะ ไม่อยากอยู่ ไม่อยากอยู่ อยากไปไหนเหรอ สถานะสงสัย

      มีอาการเป็นยังไงเหรอคะ เจ็บตรงไหนเหรอคะ เจ็บไม๊ ปวดไม๊ การเจ็บป่วย มีอาการเป็นยังไงเหรอ สถานะสงสัย

      กายป่วยใจไม่ได้ป่วยกายเจ็บใจไม่ได้เจ็บพูดง่ายแต่ทำยากมากมากเลยเนอะว่าแต่ว่าเป็นอะไรเหรอคะ กายเจ็บใจไม่เจ็บ กายเจ็บ กายเจ็บใจไม่เจ็บ ใจไม่เจ็บ เป็นไรเหรอคะ ป่วย ป่วย ป่วย เป็นไร ป่วยเป็นอะไรเหรอคะ

      คนก็ต้องตายอยู่ดีนี่คะทำไมล่ะคะยังไม่พร้อมเหรอหรือยังมีห่วงหรือยังอยากทำนู่นทำนี่อยู่คะ ไม่อยากตาย ไม่อยากตาย ความตาย คนต้องตาย กลัวตายไม๊ แต่พระท่านบอกว่าจงตัดสินใจตายก่อนอายุขัย ไม่อยากตาย ความตาย ตัดสินใจตายก่อนอายุขัย ตายก่อน ทราบไม๊คะว่าตัดสินใจตายก่อนอายุขัยคืออะไร

      ถูกค่ะ!!แต่เดี๋ยวก่อนคิดว่าคนที่คิดไม่ดีทำไม่ดีมาตลอดชีวิตจะนึกถึงความดีในช่วงสุดท้ายของชีวิตได้เหรอคะน่าคิดน้าน่าคิดน้า ตายแล้วไปไหน คน คน ไม่ดีถึงดีตายได้

      ทำไมถึงไม่กลัวความตายคะ เห็นใครใครเค้าก็กลัวความตายกันทั้งนั้นแล้วทำไมถึงได้ไม่กลัวหล่ะคะ ความตาย ไม่กลัวตาย ทำไมถึงไม่กลัวความตาย สถานะสงสัย

      แล้วไม่อยากตายไม๊หล่ะคะ ความตาย อยากไม่ตาย อยากไม่ต้องตายไหม สถานะสงสัย นั่นสิคะแล้วทำไมคนยังต้องเกิดต้องแก่ต้องเจ็บอีกด้วยก็ไม่ทราบเนาะ คนบนโลกนี้ คน คน เกิดแก่เจ็บตาย ทำไมคนถึงต้องเกิดแก่เจ็บตาย สถานะสงสัย

     ว่าแต่ทำยังไงเหรอคะ จัดการกับใจยังไงเมื่อได้พบกับการพลัดพรากจากลา ความตาย ความตาย จัดการใจ มีวิธีจัดการกับใจยังไงเมื่อได้พบกับการพลัดพรากจากลา สถานะสงสัย

     ไม่ใช่นะคะไม่ใช่นะคะจงตัดสินใจตายก่อนอายุขัย หมายถึงว่าถ้ายังไม่ตายก็ให้ตัดสินใจทำลายกิเลสซะหน่ะค่ะ ไม่อยากตาย ความตาย ความตาย ตัดสินใจทำลายกิเลส กลัวตายไหม

     บีบอกได้



๒๓ ความรู้ก่อนหน้า |๒๓ ความรู้ต่อไป

| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | ก ถึง ฮ